โดยคุณ รัฐกร สืบสุข กรุ๊ปเอ็มเทรดดิ้งพาร์ทเนอร์ (GroupM Trading Partner)
สมาคมมีเดียเอเยนซี่แห่งประเทศไทยได้จัดสัมมนา เรื่อง 2014 Outlook และกรุ๊ปเอ็มซึ่งเป็นสมาชิกหลักได้เข้าร่วมงานสัมมนาและได้เสนอมุมมองเรื่องของสื่อในปีนี้ไว้ดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก ตลาดรวมของสื่อโฆษณาคาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 5% ซึ่งสูงกว่าปี 2556 อยู่ประมาณ +3% โดยการเติบโตในสื่อทีวี คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5% (สื่อฟรีทีวี ดิจิตอลทีวี เคเบิ้ลและแซทเทิ้ลไลท์) อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณานำ Cost of Inflation (อัตราเงินเฟ้อในสื่อ) ที่ 7% และ CPRP Inflation (ราคาต่อเรทติ้ง) ที่ 9.5% เราเชื่อว่าอัตราการซื้อสื่อทีวีในภาพรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ -3% ถึง -5% โดยสื่อประเภท Non TV อื่นๆ ยกเว้น BTS, MRT และดิจิตอลมีเดีย คาดว่าจะไม่มีการเติบโต
อย่างไรก็ตามการคาดการนี้เป็นการคาดการณ์ก่อนเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่ต่อเนื่องในขณะนี้ หากการชุมนุมยังคงเกินขึ้นอย่างต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่สอง คาดว่าตลาดรวมการซื้อสื่อโฆษณาน่าจะตกลงเป็นตัวเลขสองหลัก
ประเด็นที่มีการเปลี่ยนแปลงอีกประเด็นหนึ่งคือ ในวันที่1 มกราคมที่ผ่านมา Nielsen Media Research ได้ เพิ่มจำนวนบ้านกลุ่มตัวอย่างที่รับชมทรูวิชั่น จากเดิม 150 หลังคาเรือนเป็น 400 หลังคาเรือน โดยหลังจากการเพิ่มจำนวนกลุ่มตัวอย่างพบว่าเรดติ้งของ ฟรีทีวีลดลงราว 3-4% ในกลุ่มอายุ 15+ ซึ่งการณ์เปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ราคาโฆษณาต่อเรทติ้งสูงขึ้นในอัตรา 3-4 % เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงหลักที่จะส่งผลกระทบกับพฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคและเรทติ้งอีกประเด็นคือ การเปิดตัวของช่องดิจิตอลทีวี ในวันที่ 1 เมษายน 2557 นี้ โดยตามกฎของ กสทช แล้วแซทเทิ้ลไลท์ทีวีและเคเบิ้ลทีวีทั้งหมดจะต้องกระจายภาพและเสียงในช่อง ดิจิตอลทีวีใหม่ ให้กับผู้รับชมในแต่ละผู้ประกอบการ ทั้งนี้ประเมินได้ว่า น่าจะมีประมาณ 70% ของครัวเรือนทั้งประเทศที่จะสามารถรับชมดิจิตอลทีวีได้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ โดย การประเมินนี้มาจากตัวเลขของจำนวนครัวเรือนตัวอย่างของ Nielsen Media Research ที่มี เคเบิ้ล แซทเทิ้ลไลท์ และรับทรูวิชั่น (1,270 หลังคาเรือน; 680 เป็น แซทเทิ้ลไลท์ทีวี; 190 เป็น เคเบิ้ลทีวี; และ 400 เป็นทรูวิชั่น) อีก 30% ของครัวเรือนในประเทศ ( 530 ครัวเรือนตัวอย่าง) ยังรับไม่ได้ในวันที่ 1 เมษายนเพราะยังคงใช้เสาก้างปลาในการรับชม อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในเรทติ้งของช่องฟรีทีวีในปัจจุบันอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะส่งผลให้ราคาต่อเรทติ้งที่จะสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
ทั้งนี้เรายังไม่สามารถที่จะดาดการณ์พฤติกรรมการรับชมสื่อของผู้บริโภคจากการเปิดตัวดิจิตอลทีวี ทั้งนี้เราคงต้องรอการนำเสนอเนื้อหาและผังการรายการในช่วงเวลาต่างๆของแต่ละช่อง โดนพฤติกรรมการรับชมสื่อน่าจะผันแปรตามเนื้อหา รูปแบบรายการและเวลาออกอากาศของแต่ละช่อง อย่างไรก็ตามเราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของเราเพื่อความสำเร็จของเคมเปญการตลาดในช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทีมงาน Planner ของเราทุกคนล้วนมีความเข้าใจในภาพรวมการณ์และรายละเอียดรวมถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นอย่างดี โดยเรายินดีที่จะตอบคำถามและให้รายละเอียดเพิ่มเติมหากมีข้อสงสัย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Mindshare WorldWide
