สำหรับคนที่ไม่ต้องการเปิดหน้าร้านแบบ Stand Alone ชอบอยู่กับคนหมู่มาก ชอบเปิดร้านในห้าง และไม่ต้องการลงทุนเรื่องโครงสร้างระบบมากนัก การเข้าไปใช้บริการของ Marketplace ที่ดีๆ ไว้ใจไว้ มีระบบที่ดี น่าเชื่อถือ ก็ช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลากับการบริหารงานเรื่องโครงสร้างระบบ การป้องกันเรื่องความปลอดภัย ระบบการชำระเงิน และยังช่วยให้ประหยัดต้นทุนไปด้วย
การจะเข้าไปใช้บริการของ Marketplace แต่ละแห่งจะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญคือคุณต้องไปสมัครเป็นสมาชิกกับ Marketplace เหล่านั้นก่อน ซึ่งปัจจุบันมีตลาดกลางออนไลน์ หรือ Marketplace ที่เป็นแหล่งใหญ่ๆ สามารถซื้อ-ขายสินค้าได้จริง สามารถสร้างเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าได้อย่างรวดเร็ว และมีระบบที่น่าเชื่อถือหลายแห่งด้วยกัน เช่น Shopping.co.th, Weloveshopping.com, Tohome.com, Tarad.com เป็นต้น
Shopping.co.th
เว็บไซต์แห่งนี้เพิ่งจะเปิดตลาดมาได้ไม่นาน ถือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่แต่มีความเก๋าและความเชี่ยวชาญมาจากบริการ Auction ของ Sanook.com มาก่อน และยังได้กำลังเสริมในเรื่องความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ จาก eBay.com ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรร่วมกัน จึงทำให้ Shopping.co.th เป็นเหมือนกับอีเบย์ของเมืองไทย
ระบบต่างๆ ของ Shopping.co.th จะคล้ายกับของ eBay.com มาก เพียงแต่ภาษาที่ใช้นั้นได้ปรับรูปแบบมาให้ใช้ภาษาพื้นเมืองแบบไทยๆ ของเรา ไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษให้วุ่นวาย ซึ่งทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น แต่ก็ต้องเข้าใจว่าตลาดซื้อ-ขายก็จะแคบลงไปด้วย ดังนั้นใครที่ต้องการจะขายสินค้าบนอีเบย์ หรือเคยมีประสบการณ์การซื้อ-ขายกับทางอีเบย์ที่เป็นตลาดใหญ่ระดับโลกมาก่อน ถ้ามาใช้บริการในตลาดแห่งนี้ก็จะเข้าใจระบบได้ไม่ยาก ซึ่งตลาดแห่งนี้จะเป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทยโดยเฉพาะ
ตลาดแห่งนี้ได้เปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกได้แบบง่ายๆ ไม่ต้องมีเงื่อนไขมากมาย โดยสามารถเลือกรูปแบบการซื้อหรือการขายสินค้าในแบบที่ตนเองพอใจได้ โดยผู้ขายสามารถนำสินค้ามาประมูลขายได้ทั้งแบบกำหนดราคาขายตายตัว (Fixed Price) แบบการประมูล (Forward Auction) หรือจะใช้ทั้งแบบกำหนดราคาขายตายตัวและการประมูลร่วมกันก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ภายในเว็บไซต์ยังได้มีการจัดแบ่งหมวดหมู่สินค้าและบริการถึง 20 หมวดหลัก และกว่า 200 หมวดหมู่ย่อย เช่น คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ ท่องเที่ยว โรงแรม เป็นต้น เพื่อให้ครอบคลุมกับความต้องการทั้งของผู้ซื้อ ผู้ขาย และเป็นการสร้างโอกาสให้มีการเข้าถึงสินค้าที่วางขายอยู่ในตลาดแห่งนี้มากที่สุด
การขายสินค้าที่ตลาดแห่งนี้สามารถทำได้ง่ายๆ โดยก่อนอื่นต้องเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ Shopping.co.th ก่อนเพื่อสมัครสมาชิก จากนั้นก็กรอกข้อมูลเข้าไป แล้วจะมีอีเมลยืนยันการสมัครเป็นสมาชิกมาที่อีเมลที่เราได้ระบุไว้ จากนั้นก็คลิกเพื่อยืนยันการสมัคร เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วจึงเข้าไปที่ส่วนการขายสินค้า
ก่อนที่จะเริ่มทำการขายสินค้าได้จะต้องทำการสมัครบริการ S! wallet ก่อน จากนั้นก็มาเลือกหมวดสินค้าที่จะขายทั้งหมวดหลักและหมวดย่อย แล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนของการใส่รายละเอียดของสินค้าที่ต้องการขาย ซึ่งก็สามารถใส่รูปและเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยการขายสินค้าแบบออนไลน์นั้นควรจะใส่รายละเอียดสินค้าให้ละเอียดที่สุด ภาพต้องชัดเจน เพราะผู้ชื้อไม่สามารถจับต้องสินค้าก่อนที่จะตัดสินใจได้ ดังนั้นการมีรายละเอียดของสินค้าที่ครบถ้วนจะทำให้การตัดสินใจซื้อทำได้ง่ายขึ้น
Weloveshopping.com
ตลาดซื้อ-ขายแห่งใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยมียักษ์ใหญ่อย่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้บริหารตลาด Marketplace แห่งนี้ ปัจจุบัน Weloveshopping.com มีร้านค้าในตลาดกว่า 128,000 ร้านค้า มีสินค้ากว่า 148,000 หมวด มีจำนวนสินค้าที่วางขายอยู่ในตลาดกว่า 1.27 ล้านชิ้น มีการอัพเดตปรับปรุงเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา ทั้งในด้านโครงสร้างเว็บไซต์ ระบบไอที ระบบการชำระเงิน รวมไปถึงการทำตลาดออนไลน์เพื่อให้บริการกับร้านค้าที่มาขายสินค้าในตลาดอย่างทั่วถึง และช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้เข้ามายังเว็บไซต์แห่งนี้จะพบเจอสินค้าของผู้ขายทุกรายให้มากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในตลาดแห่งนี้สามารถสมัครเปิดร้านค้าได้ฟรี ซึ่งสิทธิพิเศษที่จะได้รับจากการเปิดร้านค้ากับ weloveshopping.com ได้แก่ สามารถเข้าถึงลูกค้าทั้งทางเว็บไซต์และมือถือ, ใครซื้อจะทราบทันทีผ่านทาง SMS บนมือถือตลอด 24 ชั่วโมง, มีระบบชำระเงินผ่าน We Trust โดยใช้บริการของ True Money, ส่งของเสร็จรับเงินทันทีผ่านบริการ ATM, มีระบบการจัดส่งสินค้าครบวงจร และยังมีการการันตีว่าจะมีนักชอปฯ ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคนต่อเดือนที่เข้ามายังเว็บไซต์แห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีการทำตลาดให้กับร้านค้าในตลาดด้วย เช่น การจัดอันดับร้านค้าประจำวัน, การจัดอันดับร้านค้าแนะนำ, การจัดอันดับร้านค้าเก่าแก่, การจัดอันดับร้านค้าใหม่ และมีการรวบรวมร้านค้าที่มีการอัพเดตข้อมูลล่าสุดประจำวันนั้นเอาไว้ให้ด้วย ดังนั้นถ้าใครอัพเดตข้อมูลในร้านบ่อยๆ ก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะโชว์ชื่อร้านค้าเอาไว้ในส่วนนี้มากขึ้นเท่านั้น
หลังจากสมัครสมาชิกและสมัครเปิดหน้าร้านแล้ว คุณก็สามารถเข้าไปบริหารร้านค้าของตัวเองได้ทันที หรือจะซื้อแพ็กเกจเพิ่มเพื่อขยายความสามารถให้กับร้านค้าก็ทำได้เช่นกัน
Tarad.com
ตลาดแห่งนี้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมานาน เพราะเปิดให้บริการมากว่า 7 ปี ปัจจุบันมีร้านค้าอยู่ในสังกัดกว่า 117,000 ร้านค้า มีสินค้าในตลาดกว่า 948,000 ชิ้น โดยตลาดแห่งนี้ยังมีบริการทำเว็บไซต์หรือร้านค้าสำเร็จรูป เพื่อให้สามารถเปิดหน้าร้านกันได้เร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาตกแต่งหน้าร้านมากมาย
ก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตลาดแห่งนี้ก็ต้องสมัครสมาชิกก่อน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เหมือนๆ กับตลาดที่อื่นๆ โดยบริการของ Tarad.com จะมีแพ็กเกจการทำเว็บไซต์ให้เลือกใช้หลายระดับ ตั้งแต่ใช้ฟรี, บรอนซ์, ซิลเวอร์ และโกลด์ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะมีความสามารถของการใช้บริการที่แตกต่างกันไป สามารถเลือกตามระดับความต้องการของตัวเองได้
สำหรับผู้ที่ไม่เคยขายสินค้าและไม่เคยเรียนรู้กับระบบต่างๆ มาก่อน ก็ลองใช้แพ็กเกจแบบฟรีไปก่อน จากนั้นพอติดใจ หรือเข้าใจระบบมากขึ้นจึงค่อยขยับไปใช้แพ็กเกจอื่นๆ ที่มีความสามารถรองรับความต้องการที่สูงขึ้นได้ โดยเว็บไซต์สำเร็จรูปของ TARADquickweb.com นั้นเมื่อสมัครใช้บริการแล้วก็สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ของตัวเองได้ทันที
โดยความสามารถที่มีมาให้กับแพ็กเกจฟรีนี้ ได้แก่ การแสดงสินค้าพร้อมภาพได้ 35 รายการ, แสดงข้อมูลได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ, สามารถใส่ข้อมูลการชำระเงินผ่านทางธนาคารได้, มีแบบฟอร์ม E-mail ให้ลูกค้าสามารถติดต่อกลับมาได้, มีเว็บบอร์ดภายในเว็บไซต์, ดูร้านค้าผ่านโทรศัพท์มือถือได้ และสามารถกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินได้
นอกจากนี้สินค้าที่ขายอยู่บนเว็บไซต์จะสามารถแสดงอยู่ใน ThaiSecondhand.com ได้ด้วย อีกทั้งสินค้าที่วางขายยังได้รับการประชาสัมพันธ์ในเว็บ TARAD.com ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเว็บไซต์ทั้งสองแห่งนี้ ถือเป็นเว็บไซต์ที่เป็นที่รู้จักกันดี ดังนั้นจึงเป็นตัวช่วยในการประชาสัมพันธ์สินค้าในเว็บไซต์ให้มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น
Tohome.com
ฉลองครบ 9 ปีไปแล้วสำหรับ Tohome.com เว็บไซต์ค้าขายสินค้าแบบอีคอมเมิร์ซที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน โดยตลาดแห่งนี้นอกจากจะมีสินค้าวางจำหน่ายกว่า 100,000 รายการแล้ว ยังมีระบบการชำระเงินที่ครบถ้วน, ระบบรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้, มีระบบคำนวณค่าจัดส่ง, มีระบบสมาชิกและระบบอื่นๆ อีกมากมายที่ครบครันสำหรับการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
จุดเด่นของ Plaza Zone ใน Tohome.com คือตลาดแห่งนี้จะเน้นการพัฒนาระบบการชำระเงินให้สมบูรณ์แบบและใช้งานง่ายที่สุด เพื่อให้ผู้เข้ามาใช้บริการสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ในรูปแบบมืออาชีพได้อย่างไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลานาน พร้อมทั้งยังมีบริการโปรโมตร้านค้าของคุณให้เป็นที่รู้จักกับฐานสมาชิกของ Tohome.com ที่มีกว่าหนึ่งแสนรายผ่านทางอีเมลอีกด้วย
การเปิดร้านกับ Tohome.com จะมีแพ็กเกจให้เลือก 4 แพ็กเกจด้วยกัน ได้แก่ Package Beginner, Small Business, Medium Business และ Package Enterprise โดยสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งบริการต่างๆ ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจแต่ละระดับนั้นจะแตกต่างกันไป โดยจุดต่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือจำนวนสินค้าที่สามารถนำมาใส่ไว้ในร้านค้า ซึ่งจะมีตั้งแต่ 25 ชิ้น ไปจนถึง 200 ชิ้น
การสมัครเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Tohome.com เริ่มตั้งแต่การกรอกใบสมัครออนไลน์ จากนั้นรอการติดต่อกลับจาก Tohome.com ใน 24 ชั่วโมงเวลาทำการ เมื่อได้รับการติดต่อกลับแล้วก็ทำการดาวน์โหลดสัญญาร่วมจำหน่ายสินค้า และส่งเอกสารพร้อมหลักฐานต่างๆ ไปยังบริษัทของ Tohome.com เสร็จแล้วก็จัดการชำระเงินค่าบริการร้านค้าผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งเมื่อทาง Tohome.com ได้รับเอกสารการสมัครเรียบร้อยก็จะส่ง Username และ Password สำหรับการสร้างร้านค้ากลับมาให้ทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมงเวลาทำการ โดยเมื่อคุณได้รับ Username และ Password เรียบร้อยแล้วก็สามารถสร้างร้านค้าได้ทันทีที่ Merchant Area
การสมัครเปิดร้านกับ Tohome.com จะไม่มีฟรีแพ็กเกจให้ทดลองใช้ แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเปิดร้านในระดับผู้เริ่มต้นที่เป็นแพ็กเกจที่เล็กที่สุดนั้นก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากนักกับการเริ่มเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง อีกทั้งระบบต่างๆ ที่มีอยู่อย่างครบถ้วน ก็ทำให้การเปิดร้านค้าของคุณทำได้ง่าย สามารถบริหารจัดการได้สะดวก ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
เทคนิคการเลือก Marketplace แบบง่ายๆ
ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน Marketplace แห่งไหนก็ตาม ควรจะศึกษาระบบของตลาดแห่งนั้นก่อน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบความปลอดภัย วิธีการใช้บริการ ระบบการชำระเงิน ระบบตะกร้าสินค้า วิธีการสร้าง/ปรับเปลี่ยนร้านค้า รวมไปถึงวิธีการบริหารร้านค้าของเจ้าของตลาด เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้สินค้าอยู่ในตลาดแห่งนั้นที่มีอยู่นับหมื่นนับแสนชิ้นมีโอกาสโชว์โฉมให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เห็นได้อย่างไร
นอกจากนี้ก็ต้องศึกษาถึงวิธีการทำตลาดของเจ้าของตลาดด้วยว่ามีวิธีการโปรโมตเว็บไซต์ให้กับร้านค้าต่างๆ อย่างไร เจ้าของตลาดทำให้ในระดับไหน และคุณจะต้องทำการตลาดเพิ่มเติมอย่างไรบ้างเพื่อเรียกคนเข้าร้าน ในขณะเดียวกันก็ต้องดูจำนวนร้านค้าและสินค้าที่อยู่ในตลาดแต่ละแห่งด้วย เพราะถ้าตลาดแห่งไหนมีร้านค้ามาก สินค้าเยอะ แต่ถ้ามีการบริหารจัดการที่ไม่ดี ร้านค้าที่ไปเปิดหน้าร้านในตลาดแห่งนั้นก็จะไม่มีโอกาสได้ถูกพบ ซึ่งก็จะทำให้คุณไม่สามารถขายสินค้าได้
ดังนั้นก่อนตัดสินใจควรจะได้ทดลองหรือสอบถามเพื่อนฝูงที่เปิดร้านค้าออนไลน์ในตลาดต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลตลาดแต่ละแห่งก่อน หรือถ้าคุณมีเวลาบริหารจัดการร้านค้ามากพอ จะทดลองเปิดร้านกับทุกตลาดเลยก็ได้ เพื่อจะได้ทราบว่าสินค้าของคุณนั้นเหมาะกับตลาดแห่งไหน เนื่องจากผู้เข้าชมหรือกลุ่มเป้าหมายของตลาดแต่ละแห่งจะต่างกันไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ควรคิดไว้เสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์ สินค้าบางอย่างที่ไม่คิดว่าจะขายได้ แต่อาจจะกลายเป็นสินค้าที่ขายดิบขายดี เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดออนไลน์ก็เป็นได้ และยิ่งถ้าคุณมีความรู้ในสินค้าที่จะขายก็ยิ่งจะเป็นข้อได้เปรียบ เพราะจะทำให้คุณสามารถใส่รายละเอียดของสินค้าต่างๆ หรือตอบข้อซักถามของผู้ที่สนใจสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้ร้านค้าของคุณน่าเชื่อถือมากขึ้นไปด้วย
ในตอนต่อไปจะมาทำความรู้จักกับการเปิดร้านค้าออนไลน์ในแบบรับสินค้ามาขาย แล้วเก็บค่านายหน้า หรือที่เรียกว่าการทำการค้าแบบ Affiliate กันบ้าง ตลาดไหนฮิต ขายของแล้วจะได้ค่านายหน้าอย่างไร เราจะได้รู้กัน
Source: Ecommerce Magazine