หนึ่งในค่ายรถยนต์ที่น่าจับตามองอย่างมากโดยเฉพาะในตลาดรถกระบะคงเป็นค่ายไหนไม่ได้นอกจาก Ford เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันว่าตลาดรถกระบะในประเทศไทยถูกค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นยึดตำแหน่ง Top 3 ไปขณะที่รถกระบะสัญชาติตะวันตกต้องแข่งขันอย่างหนักเพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด แต่หลังจากที่ Ford มีการปรับโฉมรถกระบะใหม่ รวมไปถึงการปรับกลยุทธ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ทำให้ Ford ค่ายรถจากแดนมะกันดูโดดเด่นขึ้นมาทันที
โดย Ford ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรก 2560 ที่มียอดขายเติบโตสูงขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หรือมียอดขายรถยนต์รวมกว่า 25,513 คัน ทำให้ Ford สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมาอยู่ที่ 6.23% โดยเฉพาะในส่วนของรถกระบะ Ford Ranger ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก 2560 สามารถขายได้แล้วกว่า 20,230 จากในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปี 2559 ขายได้เพียง 13,374 ส่งผลให้รถกระบะ Ford Ranger เติบโตสูงถึง 51% ขณะที่ตลาดรวมในเซ็กเม้นต์รถกระบะเติบโตเพียง 7% เท่านั้น ทำให้ Ford Ranger ครองส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเม้นต์รถกระบะที่ 11.7% ครองตำแหน่งอันดับ 3 รองจาก Toyota และ Isuzu
ไม่เพียงเท่านี้ในส่วนของเซ็กเม้นต์รถ SUV ขนาดใหญ่หรือ PPV(รถตรวจการณ์)Ford Everest ก็ยังคงเติบโตโดยเติบโตเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ขายได้เพียง 3,188 คัน แต่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 สามารถขายได้มากถึง 3,647 คัน ซึ่งตลาดรวมในเซ็กเม้นต์นี้เติบโตลดลง 11% ครองส่วนแบ่งการตลาดในเซ็กเม้นต์รถ SUV ขนาดใหญ่หรือ PPV(รถตรวจการณ์) ไว้ที่ 12.8%
ขณะที่ Ford EcoSport รถยนต์ในเซ็กเม้นต์รถ SUV ขนาดเล็กหรือรถเก๋งขนาดเล็ก ก็ยังคงเติบโตสวนกระแสตลาด เนื่องจากตลาดรวมของเซ็กเม้นต์รถ SUV ขนาดเล็กหรือรถเก๋งขนาดเล็กมีการเติบโตที่ลดลงถึง 14% แต่Ford EcoSport กลับเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 36% โดยมียอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2560 อยู่ที่ 1,278 คันเมื่อกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ที่ขายได้เพียง 942 คัน ส่งผลให้Ford EcoSport สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 8.2%
ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ Ford จะยังคงเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดย Ford จะเจากลุ่มลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลุ่มตลาดไฮเอนต์ Ford จะใช้การนำเสนอเพื่อสร้างการรับรู้ในเรื่องเทคโนโลยีสุดล้ำทั้งในส่วนของ TVC และกิจกรรมต่างๆ ขณะที่กลุ่มตลาดกลางและล่าง Ford จะใช้วิธีสร้างการรับรู้ถึงประสิทธิภาพ รูปแบบการใช้งานที่เหมาะกับคนในกลุ่มนี้ เพื่อให้เข้าใจถึงสมรรถนะของFord ได้อย่างชัดเจนผ่าน TVC และกิจกรรมต่างๆ ที่เข้าถึงแต่ละกลุ่ม
นอกจากนี้ Ford ยังเตรียมเดินหน้าบุกโลกออนไลน์เต็มรูปแบบด้วยกลยุทธ์ ดิจิทัล เฟิร์ส (Digital First) เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคผ่านเครือข่ายอออนไลน์ ไม่เพียงเท่านี้ Ford ยังแตรียมปรับกลยุทธ์ด้านการบริการหลังการขายให้ผนวกเข้ากับโลกออนไลน์ ด้วยการเปิดบริการ “Express Service 60 Minutes Guaranteed” ผ่านการ Online Booking ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำหน้าที่ล็อคคิวรวมถึงช่องจอดรถ และบริการซ่อมด่วนภายใน 60 นาที และมีการยืนยันจากผู้บริหาร Ford หากซ่อมเกิน 60 นาทีลูกค้า Ford จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นทั้งค่าบริการและค่าอะไหล่ พร้อมทั้งการให้บริการ 24 ชม.ตลอด 7 วันโดยเริ่มใน กทม.ก่อน
เพื่อการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ ฟอร์ดจึงเตรียมเปิดโชว์รูมขนาดใหม่ไซส์เล็กกว่าเดิม โดยเพิ่มพื้นที่พักผ่อนนั่งกินกาแฟ ซึ่งโชว์รูมไซส์เล็กจะช่วยให้Ford สามารถเข้าถึงพื้นที่ในระดับอำเภอได้และมีแผนที่จะสร้างและปรับเปลี่ยนโชว์รูม Ford ให้เป็นไซส์เล็กราว 10 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รวมไปถึงการย้ายศูนย์กระจายอะไหล่แห่งใหม่ของ Ford ที่มีขนาดใหญ๋มากขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการภายในประเทศไทย
เรียกว่าเป็นค่ายที่น่าสนใจเนื่องจากใช้ระยะเวลาไม่นานก็สามารถก้าวขึ้นมาเทียบรัศมีผู้นำรถกระบะในไทยทั้ง 2 ค่าย ทั้งที่ในอดีต Ford แทบไม่มีบทบาทอะไรในตลาดรถกระบะในประเทศไทย เป็นแค่เพียงตัวเลือกหนึ่งในตลาดเท่านั้นเอง แต่ปัจจุบัน Ford กลับสามารถดัน Mitsubishi, Nissan, Mazda ให้ลงไปแข่งในตลาด Underdogs ได้หรือแม้แต่ทิ้งค่ายรถยนต์เพื่อนร่วมสัญชาติมะกันอย่าง Chevrolet ลงแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว
แต่ก็ยังมีคำถามที่ว่าแล้วรถเก๋งอีก 2 รุ่นที่เหลืออย่าง Fiesta และ Focus ที่ผู้บริหารยอมรับว่ายอดขายทรงตัว จะทำอย่างไรต่อไปดี???
Copyright © MarketingOops.com