นับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเอเวียง (evian) แบรนด์น้ำแร่ฝรั่งเศสอายุกว่า 200 ปี มาตั้งแต่ปี 2543 แล้วที่ต้องออกคอลเลกชั่นพิเศษขวดแก้ว เพื่อสร้างสีสันในช่วงปลายปีและเพื่อต้อนรับปีใหม่ กับ Limited Edition ที่สามารถขายในราคาพิเศษกว่า 300 บาท
จุดเปลี่ยนที่ทำให้เอเวียงได้รับการจับตามองมากขึ้นคือเมื่อปลายปี 2550-2551 ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ฝรั่งเศสชื่อดัง
Christian Lacriox ด้วยรูปทรงหรูหราและดูมีคุณค่าน่าสะสมมากขึ้น และล่าสุดกับปลายปี 2551 เอเวียง เลือกจับมือกับดีไซเนอร์ชื่อดัง Jean Paul Gaultier ออกแบบขวดในรุ่นที่ใช้ชื่อว่า “evian by Jean Paul Gaultier” รูปทรงเพรียวสูง เด่นด้วยโลโก้คู่สีน้ำเงิน ในราคาขวดละ 320 บาท วางจำหน่ายจำนวน 30,000 ขวด เป็นการตอกย้ำและสร้างมูลค่าให้กับภาพลักษณ์ของแบรนด์น้ำแร่หรูได้เป็นอย่างดี
“ด้วยการวาง Positioning เป็น Superpremium ทำให้เอเวียงไม่ต้องเล่นเรื่องราคา แต่จะเล่นเรื่องไลฟ์สไตล์แทน การออกคอลเลกชั่นพิเศษโดยมีดีไซเนอร์ระดับโลกมาออกแบบให้จะช่วยตอกย้ำ Positioning ดังกล่าวได้มากขึ้น และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้” มรุต ชมภูทวีป ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Danone Imported Waters (Asia) Pte Ltd. บอก
กลุ่มผู้บริโภคแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ Occassionary 70% และ Loyalty 30% เพื่อเร่งสร้างผู้บริโภคประจำเพิ่มมากขึ้น ในปีนี้จึงใช้ Detox Campaign โดยสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายว่าการดื่มเอเวียงอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ จะเห็นถึงความแตกต่าง และในที่สุดจะทำให้เกิดการติดรสชาติของเอเวียง
เอเวียงยังใช้กลยุทธ์ Word-of-Mounth จากบรรดา Trend Setter ด้วยการจัดส่งเอเวียงให้กับ Celebrity 50 คน เพื่อดื่มตลอดระยะเวลา 1 ปีอีกด้วย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลดีในสหรัฐอเมริกา โดยเอเวียงมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้หญิงวัยทำงาน อายุ 20-39 ปี รายได้ระดับกลาง-สูง มีความใส่ใจสุขภาพและมีไลฟ์สไตล์ทันสมัย นอกจากนี้ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติและกลุ่ม Expat ซึ่งนิยมดื่มน้ำแร่แทนน้ำดื่มธรรมดาอยู่แล้ว
ขณะที่ญี่ปุ่นได้เปิดตัว Brand Collaboration ครั้งนี้ ด้วยรูปแบบที่แตกต่าง โดยดีไซน์ในขวดพลาสติกมีโลโก้ Jean Paul Gaultier อยู่ด้านบนโลโก้ evian ในแถบสีขาว แดง และน้ำเงิน
หากมองในแง่ของผู้ที่ชื่นชอบแบรนด์ Jean Paul Gaultier แล้วการได้ครอบครองผลงานดีไซน์ของดีไซเนอร์ชื่อดังที่มีผลงานการออกแบบอันเลื่องชื่อ โดยเฉพาะล่าสุดกับชุดที่ Kylie Minock ใช้ในการแสดงคอนเสิร์ต Kilie X 2008 แล้ว นับเป็นค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิด แม้จะเป็นราคาที่แพงกว่าเอเวียงธรรมดามากกว่า 5 เท่าก็ตาม
Timeline Concept
2543-2547 Water Drop Shape (ขวดแก้วรูปหยดน้ำ)
2548-2550 French Alps Shape (ขวดแก้วทรงภูเขาแอลป์)
2551 evian by Christian Lacroix
2552 evian by Jean Paul Gautier
ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์มียอดขายเอเวียงสูงที่สุด รองลงมาคือไทย ต่อด้วยกัมพูชา และในกัมพูชา นิยมดื่มน้ำแร่แทนน้ำดื่มธรรมดาแม้จะมีราคาสูงกว่าแต่เพื่อความปลอดภัย เพราะไม่มั่นใจในความสะอาดของแหล่งน้ำดื่ม นอกจากนี้ยังนิยมนำเอเวียงไปใช้ชงนมให้ลูกด้วย
มูลค่าการตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด 13,000 ล้านบาท
- น้ำดื่มธรรมดา 11,000 ล้านบาท
- น้ำแร่ 2,000 ล้านบาท
สัดส่วนการตลาดน้ำแร่บรรจุขวด (by type)
- Still 90%
- Sparkling 10%
สัดส่วนการตลาดน้ำแร่บรรจุขวด 2,000 ล้านบาท (by origin)
- น้ำแร่ผลิตในประเทศ 75%
- น้ำแร่นำเข้า 25%
ส่วนแบ่งการตลาดน้ำแร่นำเข้า (by brand)
- evian 50%
- others (Perrier, Volvic etc) 50%
Source: Positioning Magazine