อาร์เอสชี้ธุรกิจคอนเทนต์ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจและการเมืองมั่นใจปีหน้ายังโต 30% หรือกว่า 450 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดปิดรายได้ตามเป้า 350 ล้านบาทโตจากปีก่อนหน้าถึง 40% ปรับกลยุทธ์เจาะกลุ่มเด็กวัยรุ่น และปรับราคาให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ระบุโมบายคอนเทนต์ยังเติบโตมากกว่าออนไลน์
นายยรรยง อัครจินดานนท์ รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องจากการเมืองไม่ปกติ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจคอนเทนต์ของอาร์เอส โดยคาดว่าในปี 2552 ยังจะเติบโตจากปีนี้ประมาณ 30% หรือ 450 ล้านบาทส่วนในปี 2551 คาดว่าจะมีรายได้ 350 ล้านบาทซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 40% จากปี 2550 ที่มีรายได้ทั้งสิ้น 250 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเนื่องจาก บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ไปโฟกัสกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจ และการเมืองน้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มเด็กวัยรุ่น และลูกค้าพรีเมียม และมีการปรับราคาค่าบริการให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยขณะนี้มีแพกเกจโหลดเพลงไม่อั้น 19 บาท ต่อเดือน และจะมีการค้นหาแพคเกจบริการที่กลุ่มเป้าหมายต้องการใช้งานมากยิ่งขึ้น
“ธุรกิจคอนเทนต์เป็นกลุ่มซอฟต์แวร์ที่มีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะไม่ปกติทางการเมือง รวมไปถึงเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เราก็ต้องปรับกลยุทธ์การทำการตลาดและกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตต่อเนื่องได้” ยรรยงกล่าว
ทั้งนี้สาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้ธุรกิจคอนเทนต์ยังเติบโต เพราะ 80% มาจากการให้บริการผ่านโมบายคอนเทนต์ และอีก 20% มาจากออนไลน์ ซึ่งแนวโน้มการเติบโตในส่วนโมบายคอนเทนต์ยังคงสดใสไปจนถึงปีหน้า เป็นเพราะตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือมีฟีเจอร์สูงขึ้น ในขณะที่ราคาปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ลูกค้าสามารถซื้อเครื่องที่สามารถรองรับการใช้งานคอนเทนต์ได้มากขึ้น ซึ่งหากในอนาคตประเทศไทยได้ใช้เทคโนโลยี 3G การใช้งานโมบายคอนเทนต์ก็จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก และปัจจุบันอาร์เอสมีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว
สำหรับในส่วนของออนไลน์นั้นยังไม่มีการเติบโตมากเท่าเนื่องจากในประเทศไทยยังมีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่ราว 3 ล้านราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมากหากเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และเทียบไม่ได้กับฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือที่มีจำนวนมาก
นายยรรยงกล่าวต่อว่า สำหรับบริการที่ยังเป็นดาวเด่นในปีหน้าจะยังคงเป็นเสียงเพลงรอสาย ซึ่งปีนี้เติบโตถึง 50% และในปีหน้าจะเติบโตอีก 60% ส่วนบริการ Hi-Q song คาดว่าจะได้รับความนิยมต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับบริการในส่วนออนไลน์ “เว็บไซต์ชีซ่าดอทคอม” (www.zheza.com) นั้นได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันเว็บไซต์ชีซ่าดอทคอมมีสมาชิกแล้ว 1.5 ล้านคน นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการร่วมกับ เอไอเอสในรูปแบบ “วัน-ทู-คอล! Zheza Zim” โดยเป้าหมายออนไลน์ในปีหน้าจะผลักดันให้เป็นดิจิตอลคอมมูนิตีมากกว่าเป็นออนไลน์คอมมูนิตี
Source: ผู้จัดการ ออนไลน์
