ในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้คน และมีเพียงไม่กี่แพล็ตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญ พลันก็เกิดแพล็ตฟอร์มใหม่ที่น่าจับตา “Truth Social” โดย ประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้สร้างอาณาจักรสื่อของตัวเองขึ้นมา หลังจากถูกแบนจากแพลตฟอร์มหลักในช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวายที่รัฐสภาสหรัฐฯ บทบาทของ Truth Social ยิ่งทวีความสำคัญขึ้นอย่างมากในช่วงที่ทรัมป์กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง
โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางหลักในการประกาศนโยบายสำคัญอย่างการเรียกเก็บกำแพงภาษีศุลกากรที่สูงถึง 10-20% กับประเทศคู่ค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลกในทันที สะท้อนให้เห็นว่าแพลตฟอร์มนี้ไม่ใช่เพียงพื้นที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือในการบริหารประเทศและกำหนดทิศทางนโยบายระดับโลกไปแล้ว เมื่อ Truth Social เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2024 ด้วยมูลค่าสูงลิบ มันได้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของสื่อสังคมออนไลน์ และขอบเขตที่การเมืองกับธุรกิจเทคโนโลยีจะเชื่อมโยงกันในศตวรรษที่ 21 ดังนั้น ลองมาทำความรู้จักกับให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ สหรัฐฯ ดำเนินการประกาศนโยบายกำแพงภาษีสั่นสะเทือนทั้งโลกแบบนี้

จุดเริ่มต้น Truth Social
Truth Social เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ก่อตั้งโดย “โดนัลด์ ทรัมป์” (โดยช่วงก่อตั้งยังเป็นแค่ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ผ่านบริษัท Trump Media & Technology Group (TMTG) และแพลตฟอร์มนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2022 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี หลังจากที่ทรัมป์ถูกแบนจากแพลตฟอร์มหลักอย่าง Facebook และ Twitter
ส่วนสาเหตุหลักที่ทำให้ Facebook และ Twitter แบน “ทรัมป์” มาจาก เหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ (Capitol Riot) เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา เพื่อขัดขวางการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ “โจ ไบเดน” ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีทั้งการโพสต์ยุยงส่งเสริมความรุนแรง โพสต์อ้างความไม่เป็นธรรมของการเลือกตั้ง โพสต์กังวลเรื่องความปลอดภัย ฯลฯ
• โพสต์ที่ยุยงหรือสนับสนุนความรุนแรง – ทรัมป์โพสต์ข้อความบน Twitter และ Facebook ที่ถูกมองว่า ไม่ประณามผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน และยังใช้คำพูดที่ถูกตีความว่าเป็นการสนับสนุน เช่น “We love you, you’re very special” ที่กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุก Capitol
• โพสต์โดยการอ้างผลการเลือกตั้งไม่เป็นธรรมโดยไม่มีหลักฐาน – ตลอดช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้งปี 2020 “ทรัมป์” โพสต์ซ้ำ ๆ ว่าการเลือกตั้ง “ถูกขโมย” หรือการใช้คำว่า “โกง” ทั้งที่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผู้สนับสนุนลุกฮือ
ต่อมาแพลตฟอร์มเกิดความกังวลเรื่อง “ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย”
• Twitter (ซึ่งขณะนั้น ยังไม่ได้ถูกซื้อโดย ‘อีลอน มัสก์’ และยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น X ) ออกแถลงการณ์ว่า การแบนทรัมป์เป็นการตอบสนองต่อความเสี่ยงที่จะเกิด “การยุยงให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น” เป็นที่มาให้เกิดการแบนอย่างถาวรในปี 2021
• Facebook (ในเวลานั้นนำโดย Mark Zuckerberg) ระบุว่า “ความเสี่ยงที่อนุญาตให้ทรัมป์ใช้งานต่อในช่วงเวลานี้นั้นสูงเกินไป” ทำให้ Facebook ตัดสินใจแบนชั่วคราว 2 ปี และต่อมาให้กลับมาใช้ได้ในปี 2023
เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การก่อตั้งแพลตฟอร์ม Truth Social ของทรัมป์ในเวลาต่อมา โดยชูแนวคิด “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” และต้านการควบคุมของ Big Tech

จุดเด่นของ Truth Social
แต่ถึงจะเกิดขึ้นบนความขัดแย้ง แต่ Truth Social ก็มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น
• เป็นแพล็ตฟอร์มที่ เด่นด้านเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น: Truth Social มุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี โดยไม่มีการเซ็นเซอร์จากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (Big Tech)
• มีอินเทอร์เฟซที่คุ้นเคย: แพลตฟอร์มมีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายกับ Twitter โดยผู้ใช้สามารถโพสต์ข้อความ (“truths”) และแชร์โพสต์ของผู้อื่น (“retruths”) ได้ด้วย
• ยังสามารถเข้าถึงเฉพาะบางประเทศ: ในช่วงแรก Truth Social เปิดให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ผ่านทาง App Store และ Google Play .
ผู้ใช้งาน และ จุดแตกต่างจากโซเชียลมีเดียอื่น
ณ เดือนมกราคม 2025 Truth Social มีผู้ใช้งานประมาณ 6.3 ล้านคน แม้ว่าจะยังห่างไกลจากแพลตฟอร์มหลักอย่าง X (Twitter) ที่มีผู้ใช้งานรายเดือนประมาณ 611 ล้านคน และ Facebook ที่มีผู้ใช้งานประมาณ 3,080 ล้านคน แต่ Truth Social ก็สามารถสร้างฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่นและมีบทบาทสำคัญในวงการโซเชียลมีเดีย
อัตราการเติบโต
• Truth Social มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงการประกาศลงสมัครและชนะการเลือกตั้งของทรัมป์
• แม้มีจำนวนผู้ใช้น้อยกว่า แต่ระดับการมีส่วนร่วม (engagement) ต่อผู้ใช้สูงกว่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มทั่วไป
• ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีความเป็นกลุ่มก้อนทางความคิด (cohesive) มากกว่าแพลตฟอร์มที่หลากหลายอย่าง X หรือ Facebook
ข้อแตกต่างสำคัญ
• การจัดการเนื้อหา: Truth Social มีการกรองเนื้อหาน้อยกว่า X และ Facebook
• โครงสร้างพื้นฐาน: มีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีมากกว่า ทำให้เกิดปัญหาด้านเสถียรภาพในบางครั้ง
• การพึ่งพาบุคคล: Truth Social พึ่งพาความนิยมของทรัมป์เป็นหลัก ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่นมีความหลากหลายมากกว่า

บทบาทและอิทธิพล
สำหรับ Truth Social กลายเป็นช่องทางหลักที่ทรัมป์ใช้ในการสื่อสารกับผู้สนับสนุนและแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นต่าง ๆ ทั้งในด้านการเมืองและสังคม แพลตฟอร์มนี้ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการหาเสียงและสร้างฐานผู้สนับสนุนสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต นักวิชาการต่างประเทศได้วิเคราะห์บทบาทของ Truth Social ในการเมืองระดับประเทศ โดยเฉพาะในบริบทของสหรัฐอเมริกา โดยมีมุมมองที่หลากหลาย ดังนี้:
1. การเสริมสร้างการเมืองแบบ “Post-Truth”
นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและรัฐศาสตร์หลายท่านชี้ว่า Truth Social มีบทบาทในการส่งเสริมการเมืองแบบ “Post-Truth” หรือ “การเมืองหลังความจริง” ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่อารมณ์และความเชื่อส่วนบุคคลมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นของสาธารณชนมากกว่าข้อเท็จจริงเชิงวัตถุวิสัย แพลตฟอร์มนี้ถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกเสพเฉพาะข้อมูลที่สอดคล้องกับความเชื่อของตนเอง ส่งผลให้เกิด “echo chambers” หรือห้องสะท้อนเสียงที่ลดทอนความหลากหลายของข้อมูลและมุมมอง
2. การเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มอนุรักษ์นิยม
Truth Social ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารและระดมผู้สนับสนุนของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกลุ่มอนุรักษ์นิยม นักวิชาการบางท่านระบุว่าแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้กลุ่มดังกล่าวสามารถเผยแพร่ข้อมูลและนโยบายโดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองของสื่อกระแสหลัก ซึ่งอาจนำไปสู่การแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่มีการตรวจสอบอย่างเพียงพอ
3. ผลกระทบต่อประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของพลเมือง
นักวิชาการด้านประชาธิปไตยไซเบอร์ (cyber democracy) ได้แสดงความกังวลว่า Truth Social อาจส่งผลกระทบต่อคุณค่าของประชาธิปไตย โดยเฉพาะในแง่ของการสร้างพื้นที่สาธารณะที่เปิดกว้างสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรีและมีเหตุผล การที่แพลตฟอร์มนี้มีแนวโน้มที่จะรวมกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความเชื่อทางการเมืองเดียวกัน อาจลดทอนโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและการมีส่วนร่วมของพลเมืองในกระบวนการประชาธิปไตย
ดังนั้น โดยสรุปว่า นักวิชาการต่างประเทศมองว่า Truth Social มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในด้านของการสื่อสาร การมีส่วนร่วมของพลเมือง และคุณค่าของประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานแพลตฟอร์มนี้ในระยะยาว

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการด้านสื่อ
ดร. เซลิน ไรท์ ศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก: “Truth Social เป็นตัวอย่างของปรากฏการณ์ ‘balkanization’ ของพื้นที่สื่อดิจิทัล ที่แต่ละกลุ่มสร้างระบบนิเวศข่าวสารของตัวเอง กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการแบ่งแยกทางการเมืองได้เข้าสู่โครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตแล้ว ไม่ใช่แค่เนื้อหา”
ดร. มาร์คัส เจนกินส์ นักวิจัยด้านสื่อสังคมออนไลน์ สถาบัน MIT Media Lab: “สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Truth Social ไม่ใช่แค่จำนวนผู้ใช้ แต่เป็นอิทธิพลที่ไม่สมส่วนกับขนาด โพสต์เพียงไม่กี่ข้อความสามารถกลายเป็นข่าวระดับชาติและส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นได้ เพียงเพราะผู้ก่อตั้งเป็นอดีตและปัจจุบันประธานาธิบดี”
เจมส์ ลอว์เรนซ์ อดีตที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของพรรครีพับลิกัน: “Truth Social ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มสื่อสังคม แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญทางการเมืองที่ทำให้ประธานาธิบดีและพรรคสามารถสื่อสารตรงกับผู้สนับสนุนโดยไม่ต้องผ่านสื่อกระแสหลัก เราอาจเห็นพรรคการเมืองอื่นๆ พัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเองในอนาคต”
ซาราห์ โมแกน นักวิเคราะห์นโยบายจาก Electronic Frontier Foundation: “มีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการที่ผู้นำประเทศใช้แพลตฟอร์มส่วนตัวเป็นช่องทางสื่อสารหลัก เนื่องจากขาดความโปร่งใสและมาตรฐานในการจัดการข้อมูล ซึ่งต่างจากช่องทางการสื่อสารของรัฐบาลที่เป็นทางการ”
มาร์ติน เบิร์นส์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านเทคโนโลยี: “มูลค่าหุ้นของ TMTG สะท้อนให้เห็นว่าตลาดกำลังประเมินมูลค่าของอิทธิพลทางการเมืองมากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในโลกการลงทุน เราเห็นการเชื่อมโยงระหว่างการเมืองและการลงทุนที่ไม่เคยมีมาก่อน”
บทบาทสำคัญในช่วงประกาศนโยบายกำแพงภาษีศุลากร #tariff
หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีศุลกากรใหม่ในเดือนเมษายน 2025 Truth Social ได้กลายเป็นช่องทางหลักที่ทรัมป์ใช้สื่อสารนโยบายดังกล่าว โดยโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการระงับภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศเป็นเวลา 90 วัน และการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125%
นักวิเคราะห์มองว่า การใช้ Truth Social เป็นช่องทางประกาศนโยบายสำคัญสะท้อนถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มนี้ ในฐานะเครื่องมือสื่อสารโดยตรงของประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม การประกาศนโยบายผ่านช่องทางนี้ยังคงมีข้อจำกัดในแง่ของการเข้าถึงและการตรวจสอบข้อมูล เนื่องจาก Truth Social มีฐานผู้ใช้งานที่จำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักอื่นๆ
นอกจากนี้ การประกาศนโยบายภาษีศุลกากรผ่าน Truth Social ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดและความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าว นักวิเคราะห์เตือนว่า การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเฉพาะกลุ่มในการประกาศนโยบายสำคัญอาจสร้างความไม่แน่นอนและความสับสนในตลาดโลก
โดยรวมแล้ว Truth Social ถูกมองว่าเป็นแพลตฟอร์มที่มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขา แม้ว่าจะมีความพยายามในการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นกลาง แต่ลักษณะของผู้ใช้และเนื้อหาบนแพลตฟอร์มยังคงมีความเอนเอียงทางการเมืองอย่างชัดเจน
ในขณะที่ Truth Social ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยักษ์ใหญ่อย่าง Meta หรือ X แต่อิทธิพลของมันต่อการเมืองและเศรษฐกิจโลกกลับใหญ่เกินตัว เมื่อคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคจากประธานาธิบดีทรัมป์บนแพลตฟอร์มนี้สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและนโยบายระหว่างประเทศได้ในทันที Truth Social จึงไม่เป็นเพียงบทพิสูจน์ของการหลอมรวมระหว่างอำนาจทางการเมืองและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์สื่อดิจิทัลที่กำลังแตกแยกตามความเชื่อทางการเมือง
ประเทศไทยและทั่วโลกจึงต้องจับตามองไม่เพียงแค่เนื้อหาที่เผยแพร่บน Truth Social แต่รวมถึงรูปแบบการสื่อสารทางการเมืองรูปแบบใหม่นี้ที่อาจกลายเป็นต้นแบบสำหรับผู้นำคนอื่นๆ ในอนาคต ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จหรือล้มเหลวของ Truth Social จะไม่ถูกวัดจากจำนวนผู้ใช้หรือมูลค่าหุ้นเท่านั้น แต่จะถูกจดจำจากผลกระทบที่มันมีต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่ผู้นำโลกสื่อสารกับประชาชน และความสามารถในการชี้นำนโยบายระดับโลกผ่านข้อความสั้นๆ บนโซเชียลมีเดียที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนเอง
คำถามสำคัญที่เหลือไว้คือ เราจะสร้างสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ความโปร่งใสในการบริหารประเทศ และการใช้แพลตฟอร์มส่วนตัวเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้อย่างไร ในโลกที่เส้นแบ่งระหว่างอำนาจรัฐ ธุรกิจเทคโนโลยี และการสื่อสารสาธารณะกำลังเลือนรางลงทุกที
เกร็ดเสริม – ประเด็นทางธุรกิจของ Trump Media & Technology Group (TMTG)
1. การเข้าตลาดหลักทรัพย์ – TMTG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ผ่านการควบรวมกับบริษัท SPAC (Special Purpose Acquisition Company) ชื่อ Digital World Acquisition Corp ในเดือนมีนาคม 2024 โดยใช้สัญลักษณ์หุ้น “DJT”
2. มูลค่าและความผันผวน – หลังเข้าตลาด หุ้นของ TMTG มีความผันผวนสูงมาก โดยเริ่มต้นที่มูลค่าประเมินสูงถึงประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะยังต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
3. รายได้และผลประกอบการ – รายได้หลักของ TMTG มาจากโฆษณาและธุรกรรมในแพลตฟอร์ม แต่ตัวเลขผู้ใช้งานและรายได้ยังห่างไกลจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักอย่าง Meta หรือ X โดยมาก
4. โครงสร้างผู้ถือหุ้น – อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท ประมาณ 60% ซึ่งทำให้เขามีอำนาจควบคุมการตัดสินใจสำคัญของบริษัท
5. ความท้าทายทางการเงิน – TMTG เผชิญความท้าทายในการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน เนื่องจากฐานผู้ใช้ที่ยังจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มหลัก และการพึ่งพาความนิยมของทรัมป์เป็นปัจจัยหลักในการดึงดูดผู้ใช้