นอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญร่วมกันอยู่ ยังมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมที่นานาประเทศทั่วโลกต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งสาเหตุใหญ่ของปัญหาในเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นผลมาจากสภาพการจราจรที่ติดขัด โดยเฉพาะในเมืองขนาดใหญ่ทั่วโลก เพราะปัญหาการจราจรที่ติดขัดนี้เองที่ทำให้รถยนต์ต้องจอดอยู่กับที่เป็นเวลานาน โดยยังคงเผาน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างมลพิษอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนว่า นั่นจึงทำให้เกิดการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดการเกิดมลพิษจากการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ในช่วงเวลาที่การจราจรติดขัด แต่ลืมไปเหลือเปล่าว่าพลังงานไฟฟ้าก็เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง แม้จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าก็จริงแต่เมื่อต้องเจอสภาพการจราจรที่ติดขัดมาก การใช้พลังงานไฟฟ้าก็จะสิ้นเปลืองมากขึ้น ต้องชาร์จไฟบ่อยขึ้นและหมายถึงการจัดการผลิตไฟฟ้าที่มากขึ้น เป็นผลกระทบลูกโซ่ต่อๆ กันไป
TOYOTA ผู้ผลิตรถยต์รายใหญ่ระดับโลก จึงได้นำปัญหาสภาพการจราจรที่ติดขัดมาวิจัยและหาทางออกให้กับปัญหานี้ โดย TOYOTA มีแนวคิดในการพัฒนารถยนต์ให้สามารถบินได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการพัฒนาธุรกิจไปสู่รูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่เพียงผลิตรถยนต์เท่านั้น เนื่องจากนาย Akio Toyoda ประธาน TOYOTA มองว่า TOYOTA จะ Tranform จากผู้ผลิตรถยนต์ไปยังบริษัทด้านโมบิลิตี้
โดย TOYOTA ได้ลงทุนเกือบ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน บริษัท Joby Aviation ผู้พัฒนาอากาศยานไฟฟ้าแบบ 4 ที่นั่งโดยสาร สามารถบินขึ้นและลงจอดในแนวตั้งเช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ โดยใช้รูปแบบการบินแบบ 4 ใบพัดขึ้นไป ซึ่ง TOYOTA ชี้ว่า การขนส่งทางอากาศเป็นเป้าหมายระยะยาวของ TOYOTA การลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการดำเนินการตามดเป้าหมายและคาดว่าจะสามารถมอบอิสระในการเดินทางได้อย่่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้มีหลายประเทศที่สนใจในรูปแบบการเดินทางระยะสั้นด้วยอากาศยานขนาดเล็ก โดยโดรนของจีนอย่าง eHang ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ครั้งละ 1-2 คน ถูกนำไปทดสอบทั้งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือแม้แต่เพื่อนบ้านของไทยอย่าง สิงคโปร์ ที่มีแผนในการทดสอบการเดินทางด้วยอากาศยานขนาดเล็ก
โดยอากาศยานขนาดเล็กของ TOYOTA จะถูกทดสอบในเมืองที่อยู่ในแผนของ TOYOTA ในการพัฒนาสู่ Smart City ต้นแบบก่อนหน้านี้
Source: Japan Today