
ช่วงหลายปีมานี้ มนุษย์โลกเป็นห่วงกันนักหนาว่าคลื่นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้คนตกงานนับสิบล้านตำแหน่ง แต่ในอนาตตอันใกล้นี้ ไม่ใช่แค่งานของคนเท่านั้นที่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี แม้แต่สุนัขเลี้ยงแกะก็ยังมีสิทธิ์ถูกแย่งงาน
รายงานจาก Radio New Zealand ระบุว่า ปัจจุบัน เกษตรกรนิวซีแลนด์นิยมใช้ “โดรนเห่าได้ (Barking Drone)” เข้ามาทำหน้าที่สอดส่อง ติดตาม และควบคุมฝูงแกะหรือฝูงวัว แทนสุนัขแสนรู้ที่เคยรับหน้าที่นี้มานานนับศตวรรษ
โดรนดังกล่าวเป็น รุ่น Mavic 2 Enterprise ผลิตโดยบริษัท DJI ซึ่งเป็นกลุ่มโดรนที่พัฒนาขึ้นสำหรับการใช้งานในภาคธุรกิจขนาดเล็ก เป็นโดรนที่มาพร้อมอุปกรณ์กล้องบันทึกภาพ/วิดิโอ และเครื่องบันทึกเสียงที่สามารถส่งเสียงบันทึกผ่านทางลำโพงที่ค่อนข้างดัง ทำให้เกษตรกรฟาร์มแกะสามารถใช้โดรนติดตามเส้นทางของแกะหรือวัว แล้วส่งเสียงสุนัขที่บันทึกไว้ ในการควบคุมแกะหรือวัวได้ โดยสนนราคาของโดรนตัวนี้มีราคา 3,500 เหรียญสหรัฐฯ
Corey Lambeth เกษตรกรเลี้ยงวัวบอกว่าโดรนดังกล่าวสามารถทำหน้าที่แทนสุนัขเลี้ยงวัวได้เป็นอย่างดี และอาจดีกว่าสุนัข เพราะบ่อยครั้งเวลาที่สุนัขวิ่งเข้าไปเห่าใส่วัว มักทำให้วัวแก่เครียดและหยุดวิ่ง แต่โดรนไม่ทำให้วัวครียดจึงสามารถเคลื่อนย้ายฝูงวัวได้รวดเร็วขึ้น
ขณะที่ Jason Rentoul บอกว่าจากที่เคยใช้เวลา 2 ชม. ใช้คนสองคน และสุนัข 2 กลุ่มสำหรับเฝ้าดูและติดตามฝูงวัว แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้โดรน งานดังกล่าวสามารถเสร็จได้ในเวลา 45 นาที ด้วยโดรนเพียงตัวเดียว เพราะโดรนทำให้สามารถมองเห็นในระยะไกลว่าวัวอยู่ตรงไหนบ้าง และสามารถบินไปติดตามควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนกว่าจะเดินไปเช็คว่าวัวอยู่ตรงไหนบ้าง ต้องใช้เวลานานกว่ามาก

นอกจากนี้ ตัวกล้องที่ติดกับโดรนยังทำให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้สอดส่องฟาร์ม แหล่งน้ำและระดับน้ำ รวมถึงติดตามสุขภาพของวัวหรือแกะได้ทั้งจากระยะไกล และสามารถเข้าไปใกล้เพื่อจับภาพสัตว์ในมุมต่างๆ ด้วยภาพที่มีรายละเอียดสูงได้โดยไม่ต้องรบกวนสัตว์
ทุกวันนี้ จะเห็นว่าการใช้โดรนในภาคกสิกรรมได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายประเทศและหลากหลายงาน เช่น การติดตามคุณภาพขององุ่นในไร่ไวน์ หรือสุขภาพของพืชพันธุ์ ฯลฯ กระทั่งการควบคุมฝูงสัตว์ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์
สุดท้ายนี้ Radio New Zealand ทิ้งท้ายว่า แม้ว่าเกษตรกรนิวซีแลนด์จะพอใจกับการทำงานของโดรนเห่าได้มาก แต่ก็ยังมี 2-3 เหตุผลสำคัญที่ทำให้สุนัขเลี้ยงแกะยังจะไม่ตกงานง่ายๆ นั่นเพราะโดรนไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ในสภาพอากาศที่ไม่ดี แต่สุนัขยังสามารถทำหน้าที่ได้ และสุนัขไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าทุก 2-3 ชั่วโมงเหมือนโดรน และสุดท้ายคือ อายุขัยเฉลี่ยชองสุนัขประมาณ 10 กว่าปี ขณะที่โดรนอายุการใช้งานสั้นกว่า
นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุผลสำคัญคือ มีสุนัขเลี้ยงแกะหลายตัวที่พยายามปรับตัวทำงานร่วมกับโดรน โดยพวกมันจะดูว่าโดรนบินไปฝั่งไหน มันจะวิ่งไปฝั่งตรงข้ามแล้วทำหน้าที่ของมัน …
จะเห็นว่า ขนาดสุนัขเลี้ยงแกะยังปรับตัวให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้ ดังนั้น มนุษย์เราก็ย่อมสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน ขอเพียงเปิดใจ!!!
แหล่งที่มา Washington Post