“ญี่ปุ่น” ถือเป็นดินแดนแห่งเทคโนโลยีที่ทั่วโลกยอมรับ โดยเฉพาะเทรนด์เทคโนโลยีโลกที่เรียกว่า ญี่ปุ่นเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรมขึ้นมา ก่อนจะเป็นที่แพร่หลายและกลายเป็นมาตรฐานของเทคโนโลยีโลก ซึ่งเทคโนโลยีส่วนใหญ่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ตู้พิซซ่า ที่แค่หยอดเงินตามราคาที่ระบุแล้วพิซซ่าพร้อมทานก็จะออกมาจากตู้แบบร้อนๆ พร้อมทาน ที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในญี่ปุ่นขณะนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีตู้แฮมเบอร์เกอร์ไปแล้ว
และในโอกาสพิเศษที่ได้มาสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ในเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ ห่างไกลตึกสูงระฟ้า หากแต่มีทิวเขาและภูเขาไฟฟูจิยามาเป็นฉากหลัง ซึ่งในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกด้วย และยังเป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานกลมกลืนไปกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
เครื่องกดน้ำระบบสัมผัส
ตู้เดียวกดน้ำได้หลากชนิด
จะว่าไป ตู้กดน้ำอัดลมสามารถเห็นได้ทั่วไปในร้านอาหาร ร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง McDonald หรือ KFC ที่ต้องใช้แก้วดันลิ้นที่เครื่อง แล้วน้ำก็จะไหลใส่แก้ว บางครั้งพลาดท่ามามือเลอะเปรอะเปื้อนเหนียวไปหมด แถมส่วนใหญ่มีให้เลือกแค่ 5 รสชาติหรือน้อยกว่านั้น ซึ่งหากต้องการมากกว่า 5 รสชาติก็คงต้องมีตู้ที่สอง นั่นมันคงจะธรรมดาหรือเชยมากหากนำมาเขียนหรือนำมาใช้ที่ญี่ปุ่น
เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นจะมีตู้กดน้ำแบบสัมผัส ทั้งบนหน้าจอเพื่อเลือกรสชาติน้ำและปุ่มสำหรับกดน้ำที่เป็นระบบสัมผัสเช่นกัน คาดว่าตู้นี้เจ้าของแบรนด์น้ำอัดลมน่าจะเป็นผู้ติดตั้ง เนื่องจากน้ำทั้งหมดล้วนอยู่ในเครือเดียวกันทั้งหมด
โดยหน้าจอแรกจะแบ่งเป็นประเภทของเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น จากนั้นก็จะไปสู่หน้าที่สองที่จะมีชนิดของน้ำ เช่น ชาเขียวหรือชาข้าว เป็นต้น มาให้เลือก
จากนั้นไฟจะปรากฎขึ้นที่ปุ่มกดเพื่อบ่งบอกให้ทราบว่า น้ำจะไหลออกมาที่ช่องไหน เพียงนำแก้วไปวางให้ตรงช่องที่มีไฟแล้วกดปุ่มนั้นค้างไว้จนกว่าน้ำจะเต็มแก้วหรืออยู่ในระดับที่เราต้องการ
เมื่อนำแก้วออกมา ระบบก็จะกลับสู่สถานะเตรียมพร้อมอีกครั้งโดยอัตโนมัติ คาดว่าน่าจะมีเซนเซอร์ตรวจจับแก้วที่บริเวณช่องปล่อยน้ำ ซึ่งตู้กดน้ำแบบนี้บอกเลยว่ามือไม่มีทางเลอะถ้าไม่กดน้ำจนล้น ซึ้งตามมารยาทชาวญี่ปุ่นจะกดน้ำเลยครึ่งเล็กน้อยเท่านั้น ไม่นิยมกดจนเต็มแก้ว
ห้าง Self-Service เกือบไร้พนักงาน
ใช้เงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้
เรื่อง Cashlass กำลังเป็นที่สนใจของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเรื่องของความสะดวกสบายที่ไม่ต้องพกเงินสด ทำให้ทั้งธนาคาร ร้านค้าและภาครัฐ ต่างสรรหานโยบายและแผนการตลาดเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้เทคโนโลยี Cashless ซึ่งต้องยอมรับว่าเทรนด์ของ Cashless มาจากประเทศจีนเป็นหลัก แต่ที่ญี่ปุ่นแตกต่างออกไปเพราะที่นี่สามารถใช้ได้ทั้งเงินสดและบัตรเครดิต รวมไปถึงการใช้จ่ายแบบ Cashless
สำหรับที่ห้าง GU ห้างสำหรับช้อปเสื้อผ้าโดยเฉพาะแบบ Stand Alone เรียกได้ว่าแทบจะไม่ใช้พนักงาน โดยมีพนักงานในร้านเพียง 3 คน โดยคนแรกจะเช็คสต๊อกและจัดเรียงสินค้า คนที่สองจะดูแลความเรียบร้อยในร้านและคอยตอบคำถามเมื่อลูกค้าหาสินค้าไม่เจอ (ภายในห้างจะจัดแบ่งหมวดหมู่ประเภทไว้ชัดเจน) และคนสุดท้ายจะอยู่ที่แคชเชียร์คอยรับชำระเงินกรณีที่ลูกค้าใช้เครื่องชำระเงินอัตโนมัติไม่เป็น (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย)
วิธีใช้เครื่องคิดเงินอัตโนมัติจะคล้ายที่เมืองไทยแต่สะดวกกว่ามาก เพียงแค่นำสินค้าทั้งหมดใส่ในช่องด้านล่างเครื่องแล้วปิดประตู จากนั้นกดปุ่มเริ่มคิดเงินเครื่องจะแสดงจำนวนสินค้าที่อยู่ในตู้ทั้งหมด (ไม่จำเป็นต้องวางเรียงสินค้าไว้สวยงาม สามารถยัดเข้าไปในตู้ได้ตามสะดวก) รวมถึงแสดงราคาแต่ละชิ้นและราคารวมทั้งหมด เพื่อให้ตรวจเช็คว่ารายการถูกต้องตามที่ต้องการ
จากนั้นก็เลือกว่าจะจ่ายเงินสดหรือบัตรเครดิต หากจ่ายด้วยบัตรเครดิตสามารถนำบัตรมารูดที่เครื่องรูดการ์ดได้ทันที หรือหากจากด้วยเงินสดก็สามารถจ่ายได้ทั้งรูปแบบ QR Code และเงินสด โดยสามารถใส่ธนบัตรลงไปในช่องธนบัตรและเหรียญลงไปในถาดสีส้ม จากนั้นเครื่องจะแจ้งจำนวนเงินทอน
เมื่อกดตกลงเงินทอนก็จะออกมาทั้งแบบธนบัตรและเหรียญ โดยธนบัตรจะออกมาทางช่องที่ใส่ธนบัตรลงไป และเหรียญจะตกลงมาช่องกลางเครื่องพร้อมใบเสร็จ จากนั้นนำสินค้าออกจากตู้มาใส่ถุงพลาสติกที่ทางห้างเตรียมไว้ให้และมีหลายขนาดเพื่อให้เหมาะสมจำนวนและขนาดสินค้าที่ซื้อ
ความอัศจรรย์ของเทคโนโลยี GPS
ที่ส่งให้พร้อมไปสู่ยุค Driverless
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ไม่พูดถึงไม่ได้และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในลักษณะทัวร์จะไม่เคยเห็น นั่นคือระบบ GPS อย่าเพิ่งมองว่ามันคือเทคโนโลยีที่มีในประเทศไทย
ใช่แล้ว!!!…ประเทศไทยก็มีเทคโนโลยี GPS หากแต่เทคโนโลยี GPS ในประเทศไทยจะเน้นไปที่เรื่องของการนำทางเป็นหลัก ซึ่งหลายครั้งเราก็ได้เห็นการใช้ GPS ในหน้าข่าวถึงความผิดพลาดในการนำทาง จนนำไปสู่เรื่องราวและเหตุการณ์แปลกประหลาด
แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นเทคโนโลยี GPS ไม่ได้มีไว้แค่นำทางเท่านั้น แต่เรียกได้ว่าเป็นที่ปรึกษาเรื่องเส้นทางการขับรถได้อย่างดีทีเดียว ซึ่งความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีดาวเทียมและการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ส่งผลให้รถยนต์ส่วนใหญ่ของชาวญี่ปุ่นจะต้องติดเทคโนโลยี GPS เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน (ยกเว้นรถเสียภาษีต่ำ) และเพราะความแม่นยำของเทคโนโลยี GPS ที่มีความแม่นยำสูงทำให้การขับรถในญี่ปุ่นกลายเป็นเรื่องง่าย
ความเจ๋งสุดๆ ของเทคโนโลยี GPS ในประเทศญี่ปุ่นคือ ระบบสามารถรับรู้ได้ว่าเมื่อไหร่ไฟแดงและเมื่อไหร่ไฟเขียว ผ่านการเชื่อมต่อกับระบบการจราจรของเมือง (ซึ่งมีอยู่ในทุกเมือง) โดยจะมีสัญญาณเตือนและคำพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นบอกให้หยุดรถหรือสามารถเดินทางต่อได้
นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งเตือนได้ว่าการจราจรข้างหน้าติดขัดยาวเป็นระยะทางเท่าไหร่ เกิดจากสาเหตุอะไร มีทางเลี่ยงเส้นไหนบ้าง ที่สำคัญยังสามารถย่อและขยายแผนที่ได้ถึง 4 แบบ ทั้งแบบเป็นแผนที่ทั้งประเทศญี่ปุ่น แบบแผนที่การเดินทาง แบบจำลองเส้นทางเป็นกึ่งอนิเมชั่นและแบบแจ้งเป็นตัวเลข
ด้วยความแม่นยำและการเชื่อมต่อกับระบบจราจรทำให้อนาคตรถยนต์ไร้คนขับน่าจะเกิดขึ้นได้อีกไม่นาน (บางพื้นที่ของญี่ปุ่นเริ่มมีการทดสอบระบบ Taxi ไร้คนขับ)
วิถีชีวิตกับเทคโนโลยีของญี่ปุ่น
ทุกที่ ทุกเวลา แม้นอกพื้นที่เมืองหลวง
ทั้งหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่อยู่ในต่างจังหวัด แม้จะไม่ไฮเทคเหมือนอย่างในโตเกียวเมืองหลวงของญี่ปุ่น แต่ก็มีเทคโนโลยีที่ไม่น้อยหน้ากัน
แถมอีกนิด…ญี่ปุ่นมีสินค้ากดตู้มากมาย อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่ามีตู้ขายพิชซ่า ซึ่งเป็นของใหม่ล่าสุดและกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นตู้กดน้ำยังมีมากมายเรียกว่าแทบจะห่างกันตู้ละ 1 เสาไฟกันเลยทีเดียว แถมยังมีน้ำที่แตกต่างกันจำหน่ายอีกด้วย แต่จะสังเกตได้ว่าตู้กดเบียร์และตู้กดบุหรี่หายากมากในเมืองนี้
บางครั้งตู้กดก็ใช่ว่าจะขายแต่น้ำเพียงอย่างเดียว เพราะตู้ถ่ายรูปติดบัตรก็มีให้หยอดเหรียญ บอกเลยว่าไม่ใช่ตู้สติ๊กเกอร์ที่ทำเป็นรูปติดบัตรแบบเมืองไทยในอดีต หากแต่ตู้นี้สามารถถ่ายแล้วพร้อมใช้งานได้ทันที หรือสแกน QR Code เพื่อดาวน์โหลดรูปลงสมาร์ทโฟนและนำไปพริ้นท์ภายหลัง
ทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยีที่เชื่อได้ว่า…
ไม่มีในไทยหรือถ้ามีก็มีจำกัดอยู่ไม่กี่แห่งเท่านั้น!!!