ในอดีตคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องมีขนาดเท่ากับห้องเล็กๆ 1 ห้อง จนเมื่อมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กลง อุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่เก็บข้อมูลก็มีขนาดเล็กลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งสวนทางกับปริมาณของการจัดเก็บข้อมูล ที่ในอดีตพื้นที่ข้อมูลขนาด 1KB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน จนถึงในยุคปัจจุบันพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1 EB (1 Exabyte = 1,024 Petabyte) ดูเหมือนจะเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ
แต่ปัญหาไม่ใช่เรื่องของขนาดข้อมูล หากแต่อยู่ที่อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างหาก เนื่องจากในอดีตข้อมูลถูกเก็บในอุปกรณ์ที่เป้นลักษณะฟิล์ม แต่นั่นก็มีอายุการใช้งานและมีโอกาสเสื่อมสภาพลง ฮาร์ดดิสก์จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อยืดอายุการจัดเก็บ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดการสูบเสียข้อมูลได้ เมื่อการเก็บเป็นเวลานานไม่ได้รับการดูแลที่ดี เช่นเดียวกับการเก็บข้อมูลในไมโครชิป
Microsoft จึงได้คิดค้นอุปกรณ์เก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อ Project Silica โดยโปรเจ็คดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นในปี 2559 โดยมีเป้าหมายไปที่การเก็บข้อมูลสำคัญที่ไม่ค่อยได้ใช้งานในห้องควบคุมอุณหภูมิต่ำ โดยวัสดุดังกล่าว จะเป็นลักษณะแผ่นแก้วที่ทำจาก Silica ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส โดยมีขนาดกว้างคูณยาวที่ 7.5 ซม. และหนา 2 มม. สามารถจัดเก็บข้อมุลขนาด 75.6 GB
โดย Microsoft ยังคงพัฒนาให้ Project Silica มีความจุสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยความคงทนของแผ่นกระจก Silica สามารถอ่านข้อมูลได้แม้นำกระจกนั้นไปทดสอบความร้อนในเตาอบ รวมไปถึงการนำอุปกรณ์ดังกล่าวไปจุ่มลงในน้ำเดือด หรือนำไปอบในเตาไมโครเวฟ และการใช้แปรงขนเหล็กแปรงบริเวณผิวหน้ากระจก
ที่สำคัญ Project Silica ไม่ใช่แค่ Microsoft เท่านั้นที่ทดสอบ เพราะ Microsoft ยังร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Warner Bros. ในการนำภาพยนตร์เรื่อง Superman ในเวอร์ชั่นปี 1978 มาเป็นข้อมูลในการทดสอบครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการค้นพบการบันทึกเสียงของละครวิทยุไว้ในแผ่นแก้ว แต่ไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ในการอ่าน ซึ่งผลการทดสอบกับ Superman พบว่ายังคงสามารถอ่านข้อมูลในแผ่นแก้วได้
ซึ่งในระยะต่อไป Microsoft เตรียมพัฒนาพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาเครื่องอ่านแผ่นเก็บให้มีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นด้วย
ไม่แน่ว่าอนาคต Data Lake ใน Data Center จะมีขนาดเล็กลง และนั้นหมายถึงธุรกิจสามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยใช้พื้นที่น้อยลง
Source: Engadget