“เวียดนาม” ถือเป็นเพื่อนบ้านและคู่แข่งคนสำคัญในภูมิภาคไม่ว่าจะด้วยภูมิประเทศที่ใกล้เคียง ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจที่นับวันจะโตวันโตคืน แถมด้วยความปลอดภัยจากสถานการณ์โรคระบาดที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับไทย รวมถึงสินค้าส่งออกที่แทบจะเหมือนกับไทยแบบเด๊ะๆ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ เป็นต้น ซึ่งข้อได้เปรียบของเวียดนามที่สู้ไทยได้คือค่าแรงขั้นต่ำที่ยังน้อยกว่าไทย แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ด้านเทคโนโลยีเวียดนามกับไทยจัดได้ว่ามีความใกล้เคียงแต่อาจยังไม่ทัดเทียมประเทศไทย แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะ Sumitomo Corp. องค์กรที่ดำเนินธุรกิจการนำเข้า-ส่งออก และการลงทุนทั่วโลก ได้จัดตั้งกลุ่มธุรกิจ โดยร่วมกับบริษัทจากญี่ปุ่นอีก 5 แห่งในการพัฒนาเมืองในฮานอย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยบริการขั้นสูงรวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยและระบบขนส่งที่ซับซ้อน
บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 5 แห่งของญี่ปุ่น ประกอบด้วย NTT Communications Corp. ผู้ให้บริการ ICT และให้บริการ Cloud, TEPCO Power Grid Inc. บริษัทด้านพลังงาน, NEC Corp. ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านเครือข่ายระบบโทรศัพท์และโครงข่ายการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งโซลูชั่นด้าน Public Safety, Hakuhodo Inc. บริษัทด้านสื่อสารและด้านโฆษณาใหญ่ลำดับที่ 4 ของโลก และ Mitsubishi Heavy Industries Engineering Ltd. ผู้ผลิตเครื่องจักรรายใหญ่ โดยทั้ง 5 บริษัทนี้มีการลงทุนธุรกิจในประเทศไทยด้วย
ทั้งหมดจะร่วมมือกับเวียดนามในการพัฒนาเมืองสู่ Smart City บนพื้นที่กว่า 2.72 ล้านตารางเมตร ในเขต Dong Anh ทางตอนเหนือของเมืองฮานอย โดย NEC จะนำเสนอระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) เพื่อช่วยในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่และ Hakuhodo จะทำหน้าที่โฆษณาประชาสัมพันธ์และนำแอปพลิเคชันเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของพื้นที่เขต
โครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยงานก่อสร้างจะเริ่มภายในปี 2563 และคาดว่าที่อยู่อาศัยใหม่จะพร้อมสำหรับการเข้าพักได้ตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา Sumitomo ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทผู้ร่วมทุนของท้องถิ่นสำหรับโครงการนี้ เป็นการรวมกลุ่มบริษัทรายใหญ่ในเวียดนามเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนครั้งนี้
Source: Japan Today