นอกจากเรื่องของรถยนต์ไร้คนขับหรือการใช้ภาพเสมืแนจริงอย่าง AR และ VR แล้ว ดูเหมือนเทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotic) จะเป็นอีกเทคโนโลยีที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายในการนำหุ่นยนต์เข้ามาสู่กระบวนการผลิต และนำบุคลากรที่เป็นมนุษย์ไปทำงานด้านอื่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า ที่ใช่วยลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นทั้งต่อผลิตภัณฑ์ รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินอีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพในกระบวนการผลิต
ซึ่งที่ผ่านมา Mitsubishi Electric ได้ร่วมกับ EEC ในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ Automation Park และถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมไทยในการก้าวสู่ Smart Factory แต่สำหรับ Nissan ค่ายรถยนต์ระดับโลกเริ่มก้าวแรกไปแล้วที่ญี่ปุ่น โดยโรงงานโทจิงิเริ่มเปิดสายการผลิตช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาและเรียกได้ว่าเป็น “โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory)” ที่แทบไม่มีพนักงานที่เป็นมนุษย์เหลืออยู่เลย โดยเป็นการทำงานของหุ่นยนต์ทั้งหมด ปัจุบันหุ่นยนต์ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้ก็สามารถดำเนินการผลิตได้เอง
สำหรับโรงงานโทจิงิ จะเน้นการประกอบรถยนต์ไฟฟ้า e-Power และรถยนต์ไฮบริด ซึ่งมีทั้งมอเตอร์และเครื่องยนต์ สำหรับบุคลากรในโรงงานจะถูกโอนย้ายไปยังสายงานที่มุ่งเน้นการใช้ทักษะที่มากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมโดยหุ่นยนต์ และการบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงหุ่นยนต์ เทรนด์ Smart Factory กำลังได้รับการตอบสนองจากผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายทั่วโลก โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการปรับตัว ช่วยให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
Nissan ยังคงพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต โดยจะถูกนำมาใช้ทดสอบที่โรงานโทจิงิ และจะทยอยนำเทคโนโลยีเหล่านั้นไปเปิดตัวในโรงงานอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์ของ Renault พันธมิตรจากฝรั่งเศส เช่น การใช้แม่เหล็กในรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อทดแทนการใช้อุปกรณ์อื่นที่หายาก Nissan ยังมองว่า Smart Factory จะช่วยให้ผู้ผลิตรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาด และแนวทางลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Source: Japan Today