Samsung จัดงาน Samsung Display Tech Summit 2022 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยเป็นการจัดงานครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียของงานด้านนวัตกรรมจอภาพ โดยครั้งนี้ Samsung ยังได้เปิดตัวจอภาพรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล “The Wall” ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ให้สอดรับกับความต้องของธุรกิจจำนวน 2 รุ่น พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Micro LED
ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจหน้าจอ Display กับช่วงเวลาที่ธุรกิจให้มาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการสื่อสารกับผู้บริโภคทั้งในรูปแบบ Indoor และ Outdoor ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า รวมไปถึงยังรองรับการทำงานในรูปแบบใหม่อย่าง Hybrid Working ที่ช่วยให้การประชุมสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
นายอเล็กซ์ ฮอง ประธานกลุ่มการขายและการตลาด ภูมิภาคเอเชีย กลุ่มธุรกิจดิสเพลย์โซลูชัน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ชี้ว่า ปัจจุบันได้เข้าสู่ยุคการตอบโต้แบบไฮบริดในทุกระดับที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่โต๊ะทำงาน ห้องประชุม ห้องเรียน คาเฟ่ หรือโฮมออฟฟิศก็ตาม หลายองค์กรจินตนาการถึงประสิทธิภาพของการทำงานในอนาคตที่ผสมผสานระหว่างโลกทางกายภาพ โลกดิจิทัล และโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน
Micro LED ยิ่งจอใหญ่ ยิ่งละเอียดสูง
ขณะที่ คุณอภิรดา พัวพรพงษ์ รองผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ จำกัด อธิบายว่า ตลาดจอภาพ (Display) ของไทยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบไปด้วย กลุ่ม LED Signage ที่เป็นจอในรูปแบบ Outdoor และส่วนใหญ่มักจะมีขนาดใหม่, กลุ่ม Smart Signage จอที่มีรูปร่างคล้ายทีวีแต่สามารถปรับได้ทั้งแนวตั้ง สามารถใช้งานรูปแบบทัชสกรีน หรือนำมาต่อจอจนกลายเป็น Video Wall
กลุ่ม Hospitality TV เป็นกลุ่มหน้าจอแบบ Indoor เหมาะกับกลุ่มธุรกิจโรงแรม แต่ในปัจจุบันกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลหันมาใช้มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นจอที่มีการกำหนดค่าต่างๆ ในรูปแบบ Centralize Control และกลุ่ม LCD Monitor ไม่ว่าจะเป็น Gaming, Smart Monitor, High Res และ Working
ไฮไลท์ที่โดดเด่น คือ เทคโนโลยี Micro LED ที่ติดตั้งอยู่ใน The Wall ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม LED Signage ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดของเทคโนโลยีการแสดงผลในปัจจุบัน โดย The Wall เป็นจอภาพที่มอบประสบการณ์การรับชมด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูง The Wall จะเป็นจอภาพแบบโมดูลาร์ขนาด 146 นิ้วรุ่นแรกของโลก โดยในกรุงเทพฯ โครงการ The Forestias by MQDC โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้เลือกใช้ The Wall เพื่อนำเสนอประสบการณ์การรับชมความบันเทิงแบบ 360 องศาที่ไม่เหมือนใคร
ส่งนวัตกรรมใหม่ The Wall All-in-One
เทคโนโลยี Micro LED เป็นอนาคตของนวัตกรรมจอภาพ ซึ่ง The Wall ถือเป็นจอภาพรุ่น Flagship ของซัมซุง พร้อมด้วยการเปิดตัว The Wall All-in-One สามารถติดตั้งหน้าจอขนาดใหญ่ได้ง่ายภายใน 2 ชั่วโมง ด้วยช่างเพียง 2 คนเท่านั้น เนื่องจากจอภาพรุ่นนี้มีกรอบที่ได้ประกอบมาแล้วล่วงหน้า รวมทั้งกล่อง S-box สำหรับเล่นและควบคุมสื่อที่ประกอบสำเร็จมาจากโรงงาน
โดย The Wall All-in-One ยังมาพร้อมกับความสามารถในการแสดงผลหน้าจอด้วยพิกเซลขนาด 0.84 อีกทั้งจอยังมีความบางเพียง 49 มิลลิเมตร และมีให้เลือกถึง 3 ขนาด ทั้ง ขนาด 146 นิ้วความละเอียด 4K, ขนาด 146 นิ้วความละเอียด 2K และขนาด 110 นิ้วความละเอียด 2K รวมถึงเทคโนโลยี Black Seal ที่ช่วยแสดงผลสีดำลึกขึ้น เทคโนโลยีอัลตร้าโครม่า (Ultra Chroma Technology) ช่วยแสดงผลสีแบบ RGB ที่บริสุทธ์มากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าและให้ความแม่นยำของสีมากกว่าจอ LED ทั่วไป การประมวลผลภาพแบบ 20bit และเทคโนโลยี Micro AI Processor ลดนอยซ์ได้แบบทันที รองรับฟีเจอร์ Multi View เล่นเนื้อหาได้พร้อมกันสูงสุดถึง 4 จอในหน้าจอเดียว
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว The Wall Series IWB มาพร้อมกับความสามารถในการแสดงผลหน้าจอด้วยพิกเซลขนาด 0.63 และ 0.94 โดยรุ่นพิกเซลขนาด 0.63 ถือเป็นรุ่นที่มีความห่างของพิกเซลที่บางที่สุดที่เคยมีมา ยังมาพร้อมกับเฟรมเรท 120Hz รองรับ HDR 10/10+ และ ยังรองรับ LED HDR อีกด้วย The Wall IWB มีหลากหลายขนาดและความละเอียดให้เลือก ตั้งแต่ขนาด 110 นิ้ว ความละเอียด 4K ไปจนถึงขนาด 220 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความละเอียดระดับ 8K
จัดเต็มเทคโนโลยีอีก 3 กลุ่มหน้าจอ
นอกจาก The Wall แล้ว ซัมซุงยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Samsung Flip Pro ที่ช่วยให้จอภาพเชื่อมต่อกันได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ โดยมาถึง 4 ขนาดทั้ง 55, 65, 75 และ 85 นิ้ว เหมาะสำหรับนักเรียนและพนักงานในการใช้ทำงานร่วมกันอย่างมีคุณภาพ ด้วยประสบการณ์การเขียนและวาดภาพในโลกความเป็นจริงด้วยโหมดปากกาและพู่กัน รองรับการ Video Call ร่วมกัน การเชื่อมต่อโดยผู้ใช้หลายคนพร้อมกัน พร้อมทั้งยังรองรับการแชร์หน้าจอแบบไร้สายอีกด้วย
จอมอนิเตอร์ความละเอียดสูงรุ่น ViewFinity S8 สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มาด้วยกันถึง 2 ขนาดทั้ง 27 นิ้วและ 32 นิ้ว ช่วยสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบกราฟิกและการทำแผนภูมิด้านการเงิน พร้อมด้วยความละเอียดระดับ Pro-Grade UHD ตามมาตรฐาน DCI-PS และ VESA DisplayHDR ช่วยแสดงผลสีได้ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ ViewFinity S8 ยังผ่านการรับรอง PANTONE Validated ช่วยแสดงผลสีได้อย่างแม่นยำมากถึง 2 พันสี
และจอมอนิเตอร์ Odessey Ark มอนิเตอร์สำหรับเล่นเกมแบบโค้ง 1000 อาร์ ขนาด 55 นิ้วรุ่นแรกของโลก พร้อมความละเอียดระดับ 4K กับอัตรารีเฟรชเรทที่ 165Hz และมี Response Time ที่ 1 มิลลิวินาที ความพิเศษอยู่ที่ค็อกพิทโหมดที่มอบประสบการณ์การเล่นเกมในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือจะเป็นการเล่นเกมแบบสบายๆ และยังมาพร้อมกับ Ark Dial ซึ่งเป็นตัวควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟังก์ชันหน้าจออย่าง Flex Move Screen, Multi View และ Quick Settings ได้ไวยิ่งขึ้น
ดิสเพลย์โซลูชันในปี 2022 ทุกโซลูชันได้ผ่านการรับรองมาตรฐานการประหยัดพลังงานจาก ENERGY STAR และ EPEAT นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้รับการรับรองจาก Carbon Trust สำหรับการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับผลิตภัณฑ์ของซัมซุง รวมทั้งการใช้วัสดุรีไซเคิลในดิสเพลย์โซลูชันมาตั้งแต่ในปี 2021 นอกจากนี้ ซัมซุงได้พัฒนาและประยุกต์ใช้วัสดุใหม่ที่ผลิตจากขยะพลาสติกในมหาสมุทรในการผลิตจอมอนิเตอร์รุ่น ViewInfinity S8 ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดขยะในมหาสมุทรและ Carbon Footprint
ที่สำคัญ ซัมซุงยังมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ด้วยบริการซ่อมฟรีถึงสำนักงานหรือที่พักเป็นเวลา 3 ปี ตามระยะเวลารับประกัน สำหรับลูกค้าที่ซื้อมอนิเตอร์ทุกรุ่นของซัมซุง ติดต่อผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร 1282 ตลอด 24 ชั่วโมง
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับดิสเพลย์โซลูชันของซัมซุง https://displaysolutions.samsung.com