NEW MG HS นำเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะ ADAS สู่คนไทยเพื่อการขับรถที่ปลอดภัยบนท้องถนน

  • 7.3K
  •  
  •  
  •  
  •  

แบรนด์ MG อาจจะเป็นน้องใหม่ในตลาดรถยนต์เมืองไทยเมื่อเทียบกับรถยนต์แบรนด์อื่นๆในท้องตลาด แต่ด้วยกลยุทธ์ในการทำตลาด การออกแบบรูปทรงภายนอกและภายในสวยงาม หรูหร่า สปอร์ต ได้อย่างลงตัว ผสมไม้เด็ดในเรื่องเทคโนโลยีที่ทาง MG ได้พัฒนาคิดค้นขึ้น อาทิเช่น ระบบปฎิบัติการอัจฉริยะมาเพื่อผู้ขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และ มีการวางโพสิชั่นอย่างชัดเจน โดนใจในการให้อ๊อฟชั่นจัดเต็ม จึงทำให้ MG โดนใจวัยรุ่น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา จนกระทั่งถึง กลุ่มคนทำงานที่เพิ่งเริ่มสร้างตัว สร้างครอบครัว

ถ้ากล่าวถึงหัวข้อหนึ่งในการพิจารณาซื้อรถยนต์คันใหม่ นอกจากรูปทรงออกแบบที่สวยงาม ทันสมัย ทั้งภายนอกและภายใน ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ และ อ๊อฟชั่นต่างๆ สิ่งที่เราต้องพิจารณาอีกอย่างคือ ระบบความปลอดภัยที่ให้มากับรถยนต์

สำหรับเราคงจะดีไม่ใช่น้อยถ้ารถยนต์คันใหม่ของเรามีระบบความปลอดภัยในการขับขี่โดยจะมีการแจ้งเตือน และ ช่วยควบคุมการขับเคลื่อนรถยนต์แบบอัตโนมัติบางส่วน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ช่วยเตือนให้เบรก ถ้ารถเราเข้าใกล้รถข้างหน้าเกินไป, ช่วยเตือนหากพบว่ามีรถอยู่ในมุมอับสายตาในขณะเปลี่ยนเลน, รถออกนอกเลนจะมีการเตือน, ควบคุมความเร็วรักษาระยะห่างจากคันหน้าอัตโนมัติ และ ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่งฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้ ได้มีอยู่ในระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS ( Advanced Driver Assistance System ) ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยป้องกันในการขับขี่บนท้องถนน ติดตั้งมาในรถยนต์ NEW MG HS โดยที่เราไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้ออ๊อฟชั่นเพิ่มเติม

ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS ( Advanced Driver Assistance System ) คืออะไร

ระบบ ADAS คือ ระบบความปลอดภัยที่ช่วยป้องกัน หลีกเลี่ยง และ ลดความเสี่ยง ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งกับตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมถนน การทำงานของระบบ ADAS จะช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน อีกทั้งยังให้ความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัยกับผู้ขับขี่ ผ่านสัญญาณเตือนระบบต่างๆ และสามารถช่วยควบคุมการขับขี่อัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADAS ( Advanced Driver Assistance System ) ที่ติดตั้งในรถ NEW MG HS ที่มีมากถึง 11 ระบบ แบ่งตามกลุ่มหลักๆ ได้ 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา RDA (Rear Drive Assist) ทำงานผ่านเซ็นเซอร์ระบบช่วยเหลือในการขับขี่ RDA ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังของรถยนต์ โดยสามารถช่วยตรวจจับสภาพการจราจรทั้งด้านข้างและด้านหลังของรถยนต์ ครอบคลุมมุมอับสายตาทุกจุด เมื่อเจอวัตถุ หรือสิ่งกีดขวาง ระบบจะทำการเปิดสัญญาณไฟเตือน หรือไฟกะพริบที่มุมกระจกสามเหลี่ยมด้านหน้า เพื่อลดโอกาสการชนหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งระบบ RDA จะประกอบไปด้วย 4 ระบบย่อย ได้แก่

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist) โดยระบบจะตรวจจับรถยนต์จากเลนด้านข้างที่กำลังเข้าใกล้อย่างรวดเร็วหลังจากที่เปิดไฟเลี้ยว และจะส่งสัญญาณเตือนในรูปแบบ ไฟกะพริบในด้านที่รถอื่นกำลังเข้าใกล้ เพื่อเตือนผู้ขับขี่ โดย LCA จะทำงานที่ความเร็วรถมากกว่า 30 กม./ชม.
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) โดยระบบจะตรวจสอบรถยนต์ที่อยู่ในมุมอับสายตาของกระจกมองข้างด้านซ้ายและขวา โดยจะส่งสัญญาณเป็นไฟเตือนสว่าง เพื่อเตือนผู้ขับขี่และหลีกเลี่ยงการชน โดย BSD จะทำงานที่ความเร็วรถมากกว่า 30 กม./ชม.
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระหว่างการถอยรถ ระบบจะตรวจสอบรถยนต์ที่เข้าใกล้ด้านหลังซ้ายและขวาของตัวรถ โดยจะส่งสัญญาณไฟเตือนในด้านที่ตรวจจับสิ่งผิดปกติได้ และจอแสดงผลจะแสดงสัญลักษณ์เตือน เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงการชน ซึ่งระบบจะทำงานเมื่อความเร็วรถต่ำกว่า 9 กม./ชม.
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ระบบจะเริ่มทำงานเมื่อรถยนต์จอดนิ่ง โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนผู้ขับขี่ หากพบรถอื่นในระยะรัศมีตรวจจับ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับรถรอบข้างเมื่อเปิดประตูรถ

2.กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS (Lane Assist System) เป็นระบบที่ช่วยควบคุมรถยนต์ ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลนหรือเส้นจราจรอย่างถูกต้องและปลอดภัย ระบบจะทำงานด้วยกล้องหน้าที่ติดตั้งภายในฝาครอบฐานกระจกมองหลัง โดยจะช่วยตรวจจับสภาพแวดล้อมและสภาพถนนด้านหน้ารถยนต์ และเมื่อสภาวะที่ตรวจสอบตรงตามเงื่อนไขบางประการ ระบบจะส่งข้อความเตือนหรือช่วยควบคุมรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และสามารถควบคุมรถยนต์ได้อย่างมั่นใจ ประกอบไปด้วย 3 ระบบย่อย ได้แก่

  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) ระบบจะตรวจจับเส้นเลนถนนที่มีความชัดเจนโดยใช้กล้องหน้า และจะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 60 กม./ชม. หากล้อรถใกล้จะทับเส้นหรือทับเส้นแล้ว ระบบจะส่งสัญญาณเตือนทั้งในรูปแบบสัญญาณเสียง แผงหน้าปัดจะแสดงรูปภาพเตือนด้านที่ทับเส้น และมีการสั่นที่พวงมาลัย เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้แก้ไขทิศทางของรถตามเส้นเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบจะตรวจจับเส้นเลนถนนด้านหน้าที่มีความชัดเจนโดยใช้กล้องหน้า และจะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 60 กม./ชม. หากล้อรถใกล้จะทับเส้นหรือทับเส้นแล้ว ระบบจะช่วยควบคุมและปรับองศาพวงมาลัย พร้อมส่งสัญญาณเตือน เพื่อให้รถกลับมาอยู่ในเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) ระบบจะตรวจจับเส้นเลนถนนที่มีความชัดเจนโดยใช้กล้องหน้า เมื่อระบบตรวจพบเส้นเลนซ้ายและขวา จะปรับมุมพวงมาลัยเพื่อรักษาตำแหน่งรถให้อยู่ตรงกลางเลน ซึ่งระบบ LKA นี้ จะทำงานเมื่อรถความเร็วรถมากกว่า 60 กม./ชม. ทั้งนี้ หากระบบตรวจพบว่าผู้ขับขี่ไม่ได้ควบคุมพวงมาลัยอย่างต่อเนื่อง ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมแสดงสัญลักษณ์บนแผงหน้าปัด เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่จับพวงมาลัย

3.กลุ่มระบบที่ช่วยในการขับขี่ FDA (Front Drive Assist) อีก 4 ระบบ ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) เป็นระบบที่ช่วยควบคุมความเร็วในการขับขี่ และปรับความเร็วอัตโนมัติ เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม โดยสามารถตั้งค่าความเร็วได้ตั้งแต่ 30 – 150 กม./ชม. สามารถตั้งระยะห่างจากรถคันหน้าได้ 3 ระยะ ในกรณีไม่มีรถคันอื่นอยู่ด้านหน้า ระบบจะรักษาความเร็วให้เป็นไปตามที่ผู้ขับตั้งค่าไว้ แต่หากมีรถคันอื่นที่ขับช้ากว่าอยู่ด้านหน้า ระบบจะทำการชะลอความเร็วให้สอดคล้องกับรถคันหน้า และทิ้งระยะห่างให้อยู่ในระยะปลอดภัย
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist) การใช้งานระบบนี้ต้องทำการเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ก่อน โดยระบบจะตรวจจับเส้นเลนถนนที่มีความชัดเจนด้วยกล้องหน้า เพื่อควบคุมรถให้อยู่เลน และใช้เรดาร์ในการตรวจสอบและควบคุมระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า เมื่อการจราจรมีการเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ระบบจะควบคุมความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถยนต์คันหน้าโดยอัตโนมัติ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับขี่ แต่ทั้งนี้ผู้ขับขี่จะต้องคอยควบคุมและสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบไปพร้อมกับการใช้ระบบ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) เป็นระบบที่จะช่วยเตือนผู้ขับขี่ ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้า ระบบจะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 30 กม./ชม. โดยการใช้เรดาร์ด้านหน้าและกล้องหน้า ในการตรวจสอบระยะห่างระหว่างรถกับรถยนต์คันหน้า หากพบว่าอยู่ในระยะใกล้เกินไปและเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมแสดงข้อความเตือนบนแผงหน้าปัด เพื่อให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วลงหรือแตะเบรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มปลอดภัย หลีกเลี่ยงการชน และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control) เป็นฟังก์ชั่นที่ใช้กล้องหน้าในการตรวจจับความเข้มของแสงจากสภาพแวดล้อมของถนน โดยระบบจะทำการเปิดไฟสูงอัตโนมัติเมื่อรอบข้างไม่มีแสงสว่างและไม่มีแสงไฟจากรถยนต์คันอื่น ในกรณีที่ระบบตรวจจับแสงสว่างจากรถยนต์ด้านหน้า ระบบจะทำการปิดไฟสูง เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาของผู้ขับขี่ที่ใช้ถนนร่วมกัน และทำการเปิดไฟสูงอีกครั้งเมื่อไม่มีรถยนต์ด้านหน้า เพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ผู้ขับขี่

ถึงแม้ว่ารถยนต์สมัยใหม่จะมีระบบช่วยเหลือให้ขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอย่างเช่น ระบบ ADAS ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ และผู้ร่วมทาง แต่ผู้ขับขี่ก็ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองและเพื่อนร่วมทาง มีสมาธิในการขับขี่ ไม่ประมาท และประพฤติตามกฎจราจรอย่างเคร่งคัด จึงจะช่วยกันทำให้ชีวิตและสังคมไทยบนท้องถนนปลอดภัยยิ่งขึ้น


  • 7.3K
  •  
  •  
  •  
  •