ราคาหุ้น Netflix ตกลงอีกแล้ว 35% และถือเป็นการร่วงมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2004
และยังเป็นครั้งที่สองในปีนี้ ที่หุ้นของ Netflix สตรีมมิ่งระดับโลกลดลงอย่างรวดเร็ว สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนอย่างมาก
หุ้น Netflix Inc. ลดลงไปถึง 35.1% เมื่อวันพุธ (ตามเวลาท้องถิ่น) ซึ่งบันทึกได้เลยว่า นับเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่ปี 2004 หลังจากยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่งรายนี้ เปิดเผยถึงรายงานว่าสูญเสียยอด Subscribers ในไตรมาสแรก
William Ackman นักลงทุนมหาเศรษฐีที่ซื้อหุ้น Netflix มากกว่าสามล้านหุ้นในเดือนมกราคม กล่าวว่า Netflix ควรจะลดผลตอบแทนที่กองทุน Pershing Square โดย 4 เปอร์เซ็นต์พ้อยท์ นั่นหมายถึงการสูญเสียประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมกับระบุว่าเขาเริ่มสูญเสียความมั่นใจในความสามารถทางโอกาสในอนาคตที่มีต่อ Netflix แล้ว
มีรายงานว่า หุ้นของสตรีมมิ่งรายใหญ่นี้ เทไปค่อนข้างมาก โดยจบลงที่ 122.42 ถึง 226.19 ดอลลาร์สหรัฐฯ และกลายเป็นหุ้นที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดใน S&P 500 ซึ่งนักลงทุนก็คาดว่าบริษัทจะเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มผู้ใช้ใหม่ในไตรมาสนี้ แต่ปรากฏว่า Netfilx กล่าวว่า มันจบแล้ว เพราะใน 3 เดือนแรกของปี กลับมีสมาชิกน้อยกว่า 200,000 คน น้อยกว่าเมื่อไตรมาสที่ 4 และยังคาดการณ์ว่า อาจจะสูญเสียสมาชิกไปมากกว่า 2 ล้านคนในไตรมาสล่าสุดนี้ด้วย
นับเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ของหุ้น Netflix ภายในวันเดียว โดยเหตุการณ์หุ้นร่วงหนักก็เคยเกิดมาก่อนเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ปี 2004 ซึ่งครั้งนั้นลดลงไป 41% โดยเป็นช่วงหลังจากที่ระบุว่า จะลดค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก และเลื่อนแผนการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งครั้งนั้นทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดของบริษัทไปราว 54.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์
ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สองที่หุ้นร่วงหนักมากในปีนี้ โดยก่อนหน้าคือเมื่อมกราคม ที่หุ้นร่วงไปมากกว่า 20% เมื่อบริษัทระบุว่า มีแนวโน้มที่จะมีจำนวนสมาชิกน้อยกว่าปีก่อน เท่ากับว่าในปีนี้รวมแล้วหุ้นร่วงหนักถึง 62%
และนับเป็นครั้งที่สองที่หุ้นร่วงลงในปีนี้ ในเดือนมกราคมหุ้น Netflix เลื่อนไปมากกว่า 20% เมื่อ บริษัท กล่าวว่าคาดว่าจะเพิ่มจํานวนสมาชิกน้อยกว่าที่เคยทําเมื่อหนึ่งปีก่อน
ยุครุ่งเรืองของ Netflix เกิดขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ของการระบาดของโคโรนาไวรัส ที่ผู้คนอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำสถิติที่น่าสนใจ แต่เมื่อเกิดมาตรการคลายล็อกดาวน์ลงในหลายประเทศ พร้อมกับการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่มีรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ก็กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของ Netflix
“ไม่มีใครคาดหวังว่า Netflix จะประกาศว่าพวกเขาสูญเสียสมาชิก (Subscribers) ส่วนใหญ่คาดหวังกันแค่ว่าการสมัครสมาชิกอาจจะชะลอตัวลง แต่การได้เห็น Netflix สูญเสียสมาชิกกลับเป็นเรื่องใหญ่ทีดียว” Ipek Ozkardeskaya นักวิเคราะห์อาวุโสของ Swissquote Bank และเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ กล่าว
สำหรับ Netflix จัดเป็นหุ้นที่อยู่ในหุ้นกลุ่ม FANG หุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน ที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงสุด 5 แห่ง ได้แก่ Facebook (FB) Amazon (AMZN) Apple (AAPL) Netflix (NFLX) และ Alphabet (GOOG – เดิมชื่อ Google) นั่นเอง
ก่อนหน้านี้ Netflix เปิดเผยรายงานในวันอังคารที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ถึงการลดลงของสมาชิก ก็ทำให้หุ้นของบริษัทก็ร่วงลง 23% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด ทำให้สูญเสียมูลค่าตลาดไป 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากจำนวนผู้สมัครรับบริการ ถือเป็นตัวชี้วัด และกลไกขับเคลื่อนการเติบโตของ Netflix ที่เชื่อถือได้สำหรับนักลงทุน นอกจากนี้ การตัดสินใจแสดงจุดยืนต่อต้านรัสเซียในการรุกรานยูเครน โดยการระงับการให้บริการที่รัสเซียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทสูญเสียสมาชิกไปราว 700,000 คน
ทั้งนี้ การเติบโตของจำนวนสมาชิกที่ชะลอตัว ยังทำให้ Netflix เปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า อาจเสนอแผนบริการที่มีราคาต่ำ แต่อาจจะมีโฆษณาแทรกก็เป็นไปได้ โดย Reed Hastings ซีอีโอของ Netflix กล่าวว่า บรรดาผู้ติดตาม Netflix รู้ดีว่าเขานั้นต่อต้านความซับซ้อนของการโฆษณา และชื่นชอบความเรียบง่ายของการสมัครสมาชิก อย่างไรก็ตาม เขาต้องการมอบทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคเช่นกัน
โมเดลการให้บริการแบบสนับสนุนโฆษณานั้นได้ผลกับบริษัทสตรีมมิ่งคู่แข่งอย่าง HBO Max, Paramount+ รวมถึง Disney+ เองด้วย ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วก็จัดแพ็กเกจรูปแบบนี้ในสหรัฐฯ และจะขยายสู่ต่างประเทศในช่วงปีหน้า
Source: