หลังจากโลกได้ทำความรู้จักกับ Generative AI กันมาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็มนับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT เราได้สัมผัสความสามารถของ Gen AI ในรูปแบบต่างๆกันมามากมาย และคงจะเห็นตรงกันว่า Gen AI จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานของมนุษย์เราไปอีกมากนับจากนี้ และ Microsoft หนึ่งในผู้มีส่วนสำคัญในการให้กำเนิด ChatGPT เองก็นำ Generative AI มาติดตั้งในบริการต่างๆของ Microsoft เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการที่เรียกว่า Microsoft 365 Copilot ที่จะทำให้การใช้งานเครื่องมือที่เราคุ้นเคยอย่าง Word, Excel, Power Point , Outlook และอื่นๆมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่ม Productivity ให้มากขึ้นด้วยพลังของ Generative AI
อย่างไรก็ตามคำถามสำคัญก็คือองค์กรต่างๆควรที่จะนำ Micorsoft 365 Copilot มาใช้แล้วหรือยัง ในเวลานี้มีประสิทธิภาพแค่ไหนและคุ้มไหมที่จะซื้อ Microsoft 365 Copilot สำหรับองค์กรมาใช้ เรื่องนี้คงต้องถามความเห็นจากบริษัทไทยที่ได้ลองใช้ไปก่อนหน้านี้แล้วโดยในงาน Microsoft AI Summit ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก็มี 3 จาก 6 บริษัทไทยอย่าง SCBX, PTTEP และ AIS ที่ได้ทดลองใช้กันไปแล้วมาบอกเล่าประสบการณ์ให้ได้ฟังกัน
ความสามารถของ Microsoft 365 Copilot
ก่อนจะไปฟังความเห็นของผู้บริหาร 3 บริษัท คำถามแรกก็คือ Microsoft 365 Copilot ทำอะไรได้บ้างและ Generative AI จะเข้ามาช่วยในการทำงานได้อย่างไร?
Microsoft 365 Copilot เป็นหนึ่งในบริการที่ Microsoft นำ AI เข้าไปผนวกรวมเอาไว้ เรียกรวมๆว่า Copilot หมายถึง AI จะมาเป็นเป็นผู้ช่วยมนุษย์ทำงานในบริการด้านต่างๆของ Microsoft ทั้งบริการ Operating System เช่น Window 11 รุ่นอัพเดทใหม่เราจะสามารถตั้งค่าเข้าเมนูต่างๆได้ด้วยการพิมพ์ Chat ได้แล้วเช่นสั่งเปิด Dark Mode ด้วยคำสั่งว่า “เปิด dark mode ให้หน่อย” เป็นต้น ส่วนบริการ Search Engine และบราวเซอร์ ก็จะมี Bing Chat ที่สามารถสั่งค้นหา สรุปเนื้อหาจากเว็บด้วยการพิมพ์ Chat ได้แล้วเช่นกัน
ส่วน Microsoft 365 ที่มีคำว่า Copilot มาต่อท้าย ก็จะอยู่ในบริการด้าน Modern Work ที่จะมี Word, Excel, PowerPoint, Outlook และ Teams ที่จะมี AI เข้ามาเพิ่มความสามารถใหม่ๆขึ้นมาเช่น
- Outlook มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยสรุปอีเมลที่ต่อเนื่องกัน การร่างข้อความตามรูปแบบที่ต้องการ และติดตามการประชุมผ่าน Teams ได้อย่างสะดวกเพียงพิมพ์คำสั่งแบบภาษามนุษย์ง่ายๆ
- Word ช่วยสรุปเนื้อหาในเอกสาร ร่างเนื้อหาในการเขียนเอกสารใหม่ และการจัดรูปแบบย่อหน้าได้ด้วยการพิมพ์สั่งใน Chat
- Excel สามารถพิมพ์สั่งให้ AI วิเคราะห์ข้อมูล แนะนำสูตรการคำนวณ สั่งสร้างกราฟ visualize ข้อมูล ทำ Prediction ได้
- PowerPoint สามารถออกแบบสไลด์จากหัวข้อและเนื้อหาที่ต้องการได้ สั่งสร้างพรีเซ็นต์ได้จากไฟล์ Word ได้
- OneNote ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น และสรุปบันทึกย่อได้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม
- Teams ช่วยสรุปเนื้อหาสำคัญจากการประชุม หากประชุมสายก็สั่งให้สรุปเนื้อหาที่ประชุมกันไปก่อนหน้านั้นได้
- Stream ช่วยค้นหาข้อมูลเชิงลึกจากวิดีโอบนแพลตฟอร์มได้ดีขึ้น
- OneDrive ช่วยเหลือผู้ใช้ในการค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องภายในคลังไฟล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
คลิปแนะนำความสามารถของ Microsoft 365 Copilot จาก Microsoft
ตอบโจทย์ Digital Transformation องค์กร
สิ่งที่ผู้บริหาร SCBX, PTTEP และ AIS พูดตรงกันก็คือการนำ Microsoft 365 Copilot มาใช้นั้นตอบโจทย์เรื่องการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ความเป็นดิจิทัล โดยเฉพาะหลังจากเกิดปรากฎการณ์ ChatGPT ที่แสดงให้เห็นความสามารถของ Generative AI ที่จะเปลี่ยนแปลงการทำงานและตอบโจทย์ทางธุรกิจได้จริง
โดยคุณณรัณ อัศวรุจานนท์ Head of New Technologies and Digital Product SCBX เปิดเผยการได้เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ทดลองใช้ Microsoft 365 Copilot สอดคล้องกับวิศัยทัศน์ขององค์กรในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีเพิ่ม Productivity ในองค์กรและเป็นจังหวะเวลาที่ SCBX พยายามนำเอา ChatGPT มาเชื่อม API เพื่อใช้งานในองค์กรพอดี ในขณะที่คุณ สุพจน์ ศรีนุตพงษ์ หัวหน้าสถาบันพัฒนาทรัพยากรบุคคล AIS ก็มองว่า Microsoft 365 Copilot ตอบโจทย์วิสัยทัศน์บริษัทที่จะก้าวจากบริษัท Telco ไปเป็นบริษัท Techco ต่อไป
ตอบโจทย์หลาย Painpoint และน่าทึ่งกว่า ChatGPT
ด้านคุณฉัตรชัย คงเดชอุดมกุล ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายบริหารการเปลี่ยนแปลงองค์กร PTTEP เล่าว่า Microsoft Copilot ตอบโจทย์ Painpoint ในเรื่องการนำ Digital Innovation ไปปรับใช้ที่ปกติจะมีคนใช้เพียงกลุ่มเล็กๆ แต่หลังจากได้สัมผัสกับ Microsoft 365 Copilot แล้วก็มองเห็นได้เลยว่าจะกลายเป็น AI ที่ประทบกับ Business Value Chain ทั้งหมด
นอกจากนี้คุณฉัตรชัย ยังเล่าด้วยว่า แม้ก่อนหน้านี้จะประทับใจกับความสามารถของ ChatGPT และนำมาใช้หาข้อมูลองค์กรแบบ Close Environment มาแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ประสบการณ์แบบ Seamless แต่เมื่อได้ลองใช้ Microsoft 365 Copilot ก็พบว่าประสบการณ์ Seamless ยิ่งกว่าเพราะไม่ต้องเปลี่ยน Platform ไปมา โดยเฉพาะ Microsoft Team ที่สามารถสรุปการประชุมที่เราเข้าฟังไม่ทัน หรือไม่ได้เข้าประชุมเลยก็ได้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถช่วยอ่าน email ใน Outlook ก็ยังทำได้
“ลองคิดดูว่าหาก AI ช่วยให้เราประหยัดเวลาได้ 1 ชั่วโมงต่อวันจากการทำงาน 8 ชั่วโมงนั่นหมายถึง 12.5% หากคิดดูว่า ปตท.มีพนักงาน 5,000 คนนั่นหมายความว่า AI สามารถทำงานแทนคน 600 คนได้เลย ดังนั้นผู้บริหารหรือฝ่ายบุคคลก็ต้องคิดเผื่อถึงกลยุทธ์ที่มองไปข้างหน้าด้วย” คุณฉัตรชัยเล่า
Team Copilot ยอดฮิต
จากประสบการณ์ของ SCBX และ AIS ในการได้ทดลองใช้ Microsoft 365 Copilot ในองค์กรพบตรงกันว่ามีผู้ใช้งาน Microsoft Team Copilot มากที่สุดที่ช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูล รวมถึงสรุปสิ่งที่ได้คุยกันไปโดยเฉพาะคนที่เป็นผู้บริหารที่ต้องประสานงานกับคนจากหลากหลายแผนก รองลงมาจะเป็น Microsoft Word Copilot และตามมาด้วย Power Point Copilot
คุณสุพจน์เล่าถึง Use Case ของ AIS ว่าทีมกฎหมายได้ลองใช้ Microsoft Word Copilot ช่วยร่างสัญญาได้อย่างดี ในขณะที่ คุณณรัณ เล่าว่าใช้ Word Copilot โดยสั่งให้ร่างนโยบายด้านความปลอดภัยของบริษัทขึ้นใหม่โดยให้ข้อมูลด้าน Privacy และ Security Policy ของบริษัทไปและให้เขียนขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับ Policy ของบริษัทใหญ่ๆดู ซึ่งก็พบว่าสามารถทำได้อย่างรวดเร็วจากเดิมที่อาจต้องใช้เวลาหลายวัน
คุณณรัณ บอกด้วยว่า สำหรับตัวเองแล้วมองว่า Copilot เหมือนกับช่วงเวลาของ Microsoft Office ที่เกิดขึ้นในวันแรกๆ ที่ยังให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานในการเพิ่มเวลาในการทำงานมากขึ้นและมองว่า Copilot ไม่ได้จะมาทดแทนคนแต่จะมาเพิ่มคุณภาพของงานให้เพิ่มมากขึ้นต่างหาก
Creativity สิ่งสำคัญสู่การขยายการใช้งาน
ในเรื่องของการขยายการใช้งานเทคโนโลยีอย่าง Microsoft 365 Copilot รวมถึงเทคโนโลยีใหม่อื่นๆให้มากขึ้นคุณฉัตรชัย จาก PTTEP มองว่าจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิด Creativity ในระดับบุคคลเพื่อนำไปสู่ Innovation ขององค์กรซึ่งการจะทำให้เกิด Creativity ในระดับบุคคลขึ้นได้นั้นก็จะมีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่างคือต้องมี “ความเชี่ยวชาญในตัวเอง” สองคือ “Creativity Skill” ซึ่ง Copilot จะมาช่วยในจุดนี้ได้เพราะจะช่วยลดเวลาสิ่งที่อาจไม่จำเป็นต้องทำบางอย่างลงไปได้ และเมื่อลดเวลาไปได้ก็จะทำให้เกิดอย่างที่สามคือ “Motivation” ที่มองว่าทำงานได้มีความสุขมากขึ้นสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิด Creativity และจะส่งต่อให้องค์กรเกิด Innovation ต่อไปได้
ในส่วนขององค์กรเองหากต้องการให้เทคโนโลยีใหม่ๆขยายการใช้งานมากขึ้นแล้วผู้บริหารจะต้องส่งเสริมเรื่อง Management Practice ที่จะต้องผลักดันให้มีการใช้งานจริงแบบ Across Value Chain อีกเรื่องคือเรื่องของ Intensive ที่องค์กรจะต้องให้ Reward จาก Productivity ที่เกิดขึ้นจากการใช้นวัตกรรมใหม่ๆเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ และที่สำคัญที่สุดก็คือ Resource ซึ่งก็คือเทคโนโลยีใหม่อย่างเช่น Microsoft 365 Copilot ให้นำมาใช้งานจริง นำไปสู่การสร้าง Innovation และสร้างความสำเร็จให้กับองค์กรต่อไปได้
ทั้งหมดนี้คือความเห็นบางส่วนของตัวแทนบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยอย่าง SCBX, PTTEP และ AIS บริษัทไทย 3 จาก 6 บริษัทที่ได้สัมผัสประสบการณ์ AI ผ่านการใช้ Microsoft 365 Copilot ในการทำงานจริง ก่อนใครในประเทศไทย ซึ่งก็ต้องบอกว่านับจากนี้เชื่อว่าจะมี Use Case ที่น่าสนใจจากการใช้ Microsoft 365 Copilot ถูกนำมาบอกเล่ากันอีกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Microsoft เปิดเผยว่า Microsoft 365 Copilot ที่รองรับภาษาไทยจะเปิดตัวออกมาในช่วงไตรมาสแรกของปี 2024 นี้แล้ว ซึ่งสำหรับองค์กรใดที่อยากทดลองใช้ Microsoft 365 Copilot ก็สามารถประสานไปที่ Microsoft ประเทศไทยได้เลย