ไม่เพียงแต่ Twitter เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ แต่ฝั่งของ Meta บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook เองก็ต้องประกาศเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากเช่นกันโดยล่าสุด Mark Zuckerberg ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Meta ได้ประกาศแล้วว่าจะต้องปลดพนักงานออกทั้งหมด 11,000 คนหรือคิดเป็น 13% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 87,000 คน
โดยใจความสำคัญของประกาศดังกล่าวของ Zuckerberg ระบุว่า “วันนี้ผมจะขอประกาศถึงความเปลี่นแปลงที่ยากลำบากที่สุดที่เราเคยทำในประวัติศาสตร์ของบริษัท Meta ผมตัดสินใจที่จะลดขนาดทีมของพวกเราลง 13% และต้องปล่อยให้พนักงานที่มีพรสวรรค์ของเรา 11,000 คนต้องจากไป เราจะมีมาตรการหลายอย่างที่จะทำให้บริษัทมีต้นทุนน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการลดค่าใช้จ่ายและหยุดจ้างงานใหม่ไปจนถึงไตรมาสแรก”
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากThe Wall Street Journal รายงานว่า Zuckerberg ได้เปิดเผยกับพนักงานระดับบริหารของ Meta นับร้อยคนในช่วงเช้าของวันที่ 8 พฤศจิกายนตามเวลาสหรัฐอเมริกา ถึงแผนในการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังอ้างแหล่งข่าวระบุว่า Zuckerberg ยอมรับว่าตนมีส่วนผิดที่ทำให้บริษัทเดินมาถึงจุดนี้จากการที่มองถึงโอกาสในการเติบโตในแง่ดีเกินไปส่งผลให้มีการจ้างงานที่มากเกินความจำเป็น ด้าน Lori Goler หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของ Meta เปิดเผยว่าพนักงานที่ต้องถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินชดเชยอย่างน้อย 4 เดือน
ต้องยอมรับว่าในเวลานี้บริษัทในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเผชิญกับการเติบโตที่ชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผลจากปัญหาเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงปัญหาด้านการกำกับดูแลที่ส่งผลให้บรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ซึ่งรวมไปถึง Alphabet และ Amazon ต้องชะลอหรือหยุดการจ้างพนักงานใหม่ลงไป
ก่อนหน้านี้บริษัทอย่าง Microsoft ต้องเลิกจ้างพนักงานในทุกๆหน่วยงานไปราว 1,000 คนเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Twitter ที่ประกาศเลิกจ้างพนักงานลงไปมากถึง 50% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดหลังจาก Elon Musk เข้าเทคโอเวอร์ด้วยมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่บริษัท Meta เองก็ประสบกับปัญหากับทิศทางในอนาคตของบริษัทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเมื่อแพลตฟอร์มอย่าง Facebook สูญเสียผู้ใช้งานที่เป็นคนรุ่นใหม่ และสูญเสียรายได้มหาศาลหลังจาก Apple เปลี่ยนนโยบายด้านความเป็นส่วนตัว ขณะที่แผนการมุ่งสู่ Metaverse ของ Meta เองก็ยังเป็นข้อกังขาในหมู่นักลงทุนด้วยเช่นกัน
นั่นส่งผลให้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมามูลค่าตลาดของ Meta ต้องหายไปมากถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหลังจาก Meta ผลประกอบการณ์ไตรมาสที่ 3 ลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นมูลค่าบริษัทที่ลดลงมากที่สุดครั้งหนึ่งในตลาด Wall Street นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มูลค่าของ Meta หายไปถึง 230,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังผลประกอบการสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นบริษัทสหรัฐที่มีมูลค่าหายไปมากที่สุดใน 1 วัน
จากนี้ไปคงต้องจับตามองกันต่อไปว่า Meta ภายใต้การนำของ Mark Zuckerberg จะปรับกระบวนท่าเพื่อนำบริษัทกลับมาสู่เส้นทางของการเติบโตได้อย่างไร Metaverse จะเป็นทิศทางการลงทุนที่ถูกต้องของบริษัทหรือไม่ หรือเวลานี้อาจเป็น “ขาลง” ของบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่แล้วนั้นคงต้องรอดู