ต้องยอมรับว่าสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นตัวเร่งให้มีการซื้อขายทางช่องทางดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อจำกัดในการออกมาซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยเฉพาะการซื้อขายสินค้าด้วยรูปแบบที่ผสมผสานกันของการไลฟ์ สตรีมมิ่ง (Live streaming) และอีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) หรือที่เรียกว่า การทำ ‘Live Commerce’ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้จากการที่ธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ หันมาทำ Live Commerce กันมากขึ้น เช่น การให้พนักงานมาไลฟ์แนะนำสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของตนเอง รวมถึงบรรดา e-Marketplace ต่างๆ ที่พัฒนาฟีเจอร์ไลฟ์เพื่อให้ seller หรือผู้ขายสามารถไลฟ์ขายสินค้าได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ด้วยจุดเด่นของ Live Commerce ที่ช่วยผู้ขายสามารถสร้าง interaction กับลูกค้าได้โดยตรงตั้งแต่การซื้อขายสินค้า การรีวิวสินค้า ไปจนถึงการตอบคำถามต่างๆ ทำให้ Live Commerce กลายเป็นเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่ต้องจับตามอง และแน่นอนว่าเทคโนโลยี คือ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของการทำ Live Commerce โดยเฉพาะเทคโนโลยีคลาวด์ และการใช้ AI ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการ Live เป็นไปอย่างราบรื่น นำไปสู่การสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าได้
มร. ชาง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้ให้บริการ เทนเซ็นต์ คลาวด์ เปิดเผยว่า “เทนเซ็นต์ ประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำธุรกิจของผู้ประกอบการค้าปลีก เพื่อเพิ่มความได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการ และช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้ เทนเซ็นต์ ประเทศไทย จึงได้นำเสนอเทคโนโลยีคลาวด์ และบริการต่างๆ เพื่อใช้เพิ่มประสิทธิภาพการทำไลฟ์ คอมเมิร์ซ ให้ดียิ่งขึ้น ให้การไลฟ์ลื่นไหล ไม่กระตุก ภาพ และเสียงมีความคมชัด วิดีโอมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว และสามารถรองรับการเปิดรับชมพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีให้กับผู้บริโภค”
โซลูชันผลิตภัณฑ์ และบริการคลาวด์ และ AI ของ Tencent Cloud ที่โดดเด่น ประกอบด้วย บริการถ่ายทอดวิดีโอไลฟ์ (LVB) เป็นบริการสำหรับการถ่ายทอดไฟล์วิดีโอ/ไฟล์เสียงไลฟ์แบบต่อเนื่อง ครอบคลุมฟังก์ชันต่างๆ ในที่เดียว เช่น การส่งไฟล์ไลฟ์ที่มีความเสถียร และคุณภาพสูงเพื่อการปฏิบัติงาน การแปลงไฟล์ การถ่ายโอนไฟล์ และการเล่นย้อนหลังตามความต้องการด้วยความหน่วงที่ต่ำที่สุด ให้ภาพละเอียด และประสิทธิภาพสูงเพื่อสามารถให้บริการข้อมูลปริมาณมากเมื่อมีคำขอใช้งานในเวลาเดียวกันจำนวนมาก รวมถึง บริการ AI Transfy (TCAIT) โซลูชันที่ผสมผสานฟีเจอร์อันล้ำหน้าของการติดต่อสื่อสาร ระหว่างคอมพิวเตอร์และมนุษย์ ระบบ Machine Learning และการแปลข้อความผ่านเครือข่ายอัจฉริยะนูรอล (Neural Network Machine Translation) โดยจะทำการแปลผ่านระบบ Statistical Machine Translation ที่ช่วยให้แปลจากเสียงเป็นข้อความได้ดีขึ้นผ่านการทำความเข้าใจด้านภาษาศาสตร์ (Semantic Understanding) และการกลั่นกรองข้อมูล (Data Mining) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถได้รับข้อความการแปลที่รวดเร็วผ่านการแปลอัจฉริยะแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ TCAIT ยังมีระบบที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง แก้ไข ปรับ หรือใส่บทแปล (Subtitle) ในทั้งวิดีโอและเสียงได้อีกด้วย บริการนี้จึงเหมาะสำหรับการซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ยังมีระบบเครือข่ายคอนเทนต์ (CDN) เป็นระบบเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่เสริมเข้ากับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่มีอยู่เดิม และบริการ CDN ประกอบด้วยหน่วยความจำแคชประสิทธิภาพสูงในระบบคลาวด์ หน่วยความจำแคชเหล่านี้เก็บคอนเทนต์ของธุรกิจตามข้อกำหนดที่ผู้ใช้ระบุ เช่น สามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เข้าถึงสินค้า และบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะ CDN ทำให้มีการตอบสนองรวดเร็ว ไม่ว่าจะมี traffic มากน้อยเพียงใด และเพิ่มความสามารถในการบริการอีกด้วย
นอกจากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไลฟ์แล้ว การใช้เทคโนโลยีคลาวด์อัจฉริยะ และ AI ยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บรวบรวมข้อมูล และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ (Data analytics) เพื่อพัฒนาการทำ Live Commerce ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งผลบวกต่อธุรกิจมากที่สุด เช่น การดูเทรนด์ของสินค้าที่ได้รับความนิยม ค่าเฉลี่ยเวลาการตอบรับสินค้าของลูกค้า ตลอดจนช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำ Live เป็นต้น การใช้เทคโนโลยีที่มีระบบการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะยิ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถใช้ประโยชน์จากดาต้าของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะการเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจได้ เช่นเดียวกับการผสานใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านหลากหลายช่องทาง (Omnichannel strategy) ซึ่งอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงด้วยเช่นกัน ทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภค และความตั้งใจที่จะซื้อ (Intention to buy) ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหน และเมื่อไหร่ เพื่อเลือกใช้ช่องทางต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม นำไปสู่โอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
“การเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูล ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการทำ Live Commerce ที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญ แทนที่จะให้แพลตฟอร์มเป็นผู้เก็บข้อมูลลูกค้า” มร. ชาง กล่าวย้ำ
Tencent Cloud เป็นระบบปฏิบัติการคลาวด์ระดับเวิลด์คลาส มุ่งนำเสนอโซลูชันคลาวด์แบบไฮบริดที่พร้อมใช้งานได้ทั่วโลก มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และประสิทธิภาพสูง ที่มาพร้อมกับความเชี่ยวชาญและความเข้าใจในเชิงลึกด้านการให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่จากบริษัทแม่ พิสูจน์แล้วจากผู้ใช้งานกว่าพันล้านคนทั่วโลกพร้อมด้วยโซลูชันอัจฉริยะที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกธุรกิจ
อีกทั้ง Tencent ประเทศไทย ยังมีทีมสนับสนุนในประเทศที่สามารถให้บริการ และคำปรึกษากับลูกค้าคนไทยเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในประเทศ อีกทั้งการมีศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งจุดแข็งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ และสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการได้อย่างยั่งยืน
ผู้ที่ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการของ Tencent Cloud สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tencent.co.th