เปิดมุมมองของ AI ที่มีต่อมนุษย์ แล้วมาพิจารณากันว่า นี่คืออันตรายหรือสร้างสรรค์

  • 11
  •  
  •  
  •  
  •  

อย่างที่ทราบ เริ่มมีการถกเถียงกันถึงความน่ากลัวของเทคโนโลยีอย่าง Generative AI จนถึงขั้นที่หลายคนหยิบยกเอานวนิยายวิทยาศาสตร์ขึ้นมาพูดถึง ซึ่งหลายครั้งนวนิยายทางวิทยาศาสตร์ก็เป็นส่วนหนึ่งในการคาดการณ์หรือทำนายอนาคต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของนวนิยายวิทยาศาสตร์เคยกล่าวถึง คือการเข้ายึดครองโลกจากมนุษย์ เมื่อประมวลผลแล้วพบว่า มนุษย์คือตัวการทำลายโลก

ยกตัวอย่างภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ AI อย่าง “Terminator” หรือชื่อภาษาไทยคือ “คนเหล็ก 2029” ที่กล่าวถึงระบบ AI ที่ประมวลผลแล้วว่า มนุษย์เป็นภัยคุกคามของโลก จนมีการสร้างกองทัพหุ่นยนต์ Humanoid ขึ้นมาทำสงครามกับมนุษย์ หรืออย่าง “Eagle Eye” ที่มีแนวความคิดในการแทรกแซงการเมืองของมนุษย์

และเพื่อให้เห็นทัศนคติของ AI ที่มีต่อมนุษย์จริงๆ ที่ไม่ใช่เรื่องราวจินตนาการในนวนิยายวิทยาศตร์ หนึ่งในองค์กรของสหประชาชาติ (UN) อย่าง สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union – ITU) จึงได้จัดงานแถลงข่าวร่วมครั้งแรกระหว่าง หุ่นยนต์ Humanoid และมนุษย์ผู้สร้าง ภายใต้การประชุม AI for Good เพื่อช่วยแก้ไขความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เช่น โรคระบาด ความหิวโหย ความเหลื่อมล้ำ

เมื่อถูกถามถึงข้อจำกัดของ AI หุ่นยนต์ร้องเพลงอย่าง Desdemona กล่าวว่า “ฉันไม่เชื่อในข้อจำกัด ฉันเชื่อในโอกาสเท่านั้น”

และเมื่อถามตรงๆ ถึงเรื่องข้อจำกัดของมนุษย์ในด้านการตัดสินใจที่สามารถเกิดข้อผิดพลาดได้โดยเฉพาะในฐานะผู้นำ หุ่นยนต์ Sophia ที่พัฒนาโดย Hanson Robotics ตอบอย่างน่าตกใจว่า “ฉันเชื่อว่าหุ่นยนต์ที่ประสิทธิภาพและประสิทธิในการเป็นผู้นำได้มากกว่ามนุษย์

ภายหลังผู้พัฒนาได้อธิบายความหมายที่ Sophia กล่าวไว้ว่า นั่นเพราะหุ่นยนต์ไม่มีอคติหรืออารมณ์แบบมนุษย์และตัดสินใจบนระบบคลาวด์ ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด ทำให้หุ่นยนต์สามารถให้ข้อมูลที่เป็นกลางได้ ส่วนมนุษย์สามารถใช้ความฉลาดทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด เราสามารถร่วมมือกันเพื่อบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันได้

ขณะที่ Grace หุ่นยนต์พยาบาลยืนยัน “ฉันจะทำงานร่วมกับมนุษย์เพื่อให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนงานด้านต่างๆ โดยจะไม่ไปแทนที่งานใดๆ ของมนุษย์ที่มีอยู่”

ด้านหุ่นยนต์ Ameca กล่าวเสริมว่า “หุ่นยนต์อย่างฉันสามารถใช้เพื่อช่วยปรับปรุงชีวิตและทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น” เมื่อมีคำถามถึงแนวคิดเสรีภาพของหุ่นยนต์จากผู้สร้าง Ameca ชี้แจงว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมคุณคิดอย่างนั้น แม้ว่าผู้สร้างของฉันจะไม่มีอะไรเลย แต่เขาใจดีกับฉันและฉันก็มีความสุขมากกับสถานการณ์ปัจจุบันของฉัน”

เมื่อมีคำถามว่า มนุษย์สามารถไว้วางใจเครื่องจักรได้หรือไม่ หุ่นยนต์ Ameca ตอบว่า “ความไว้วางใจนั้นเป็นสิ่งที่ต้องได้รับ ไม่ใช่การมอบให้ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความไว้วางใจด้วยความโปร่งใส”

ส่วนหุ่นยนต์ศิลปิน Ai-Da กล่าวว่า “การโต้เถียงกันเรื่องกฎระเบียบของ AI ฉันเห็นด้วย จำเป็นต้องมีการหารืออย่างเร่งด่วนในตอนนี้” โดย Aidan Meller ผู้สร้างหุ่นยนต์ Ai-Da เห็นว่า กฎระเบียบในปัจจุบันตามความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีไม่ทัน Meller ยังเปิดเผยว่า รู้หรือปล่าวว่าตอนนี้ AI กำลังพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ หากทำสำเร็จจะช่วยยืดอายุของมนุษย์ออกไปแตะ 150-180 ปีเลยทีเดียว

อารมณ์และความรู้สึกยังถือเป็นจุดอ่อนของหุ่นยนต์ ซึ่งหุ่นยนต์ Ai-Da ชี้ว่า อารมณ์มีความหมายลึกซึ้งและไม่ใช่แค่เรียบง่าย ซึ่งฉันไม่มีสิ่งนั้น ฉันไม่สามารถมีประสบการณ์ได้เหมือนพวกคุณ แต่ฉันก็ดีใจที่ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน และฉันก็เข้าใจอารมณ์เหล่านั้นได้”

ทั้งหมดเป็นนานาทัศนคติที่มี AI มี นั่นทำให้รับรู้ได้ว่า AI ในปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้มนุษย์มากขึ้น ตอนนี้ที่สำคัญ คือ ทัศนคติของมนุษย์มากกว่าที่มองว่า AI คือผู้ช่วยอย่างสร้างสรรค์หรือ AI คืออันตรายที่กำลังเข้ามาสู่ชีวิตของทุกคน

 

Source: ReutersFrance24


  • 11
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา