สหราชอาณาจักร (United Kingdom – UK) หรือเครือจักรภพอังกฤษ กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาด COVID-19 อย่างรุนแรง โดยมีผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรรวมกว่า 2.4 แสนราย (เฉพาะในอังกฤษมีผู้ติดเชื้อราว 1.3 แสนราย) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการตรวจหาผู้ติดเชื้อต้องใช้ระยะเวลานานทำให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว
เพื่อแก้ปัญหาการค้นหาผู้ติดเชื้อ COVID-19 รัฐบาลอังกฤษจึงอนุมัติงบประมาณกว่า 5 แสนปอนด์หรือราว 6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ในการวิจัยที่เรียกว่า “COVID Dogs” ซึ่งเป็นการนำสุนัขพันธุ์ผสมระหว่างลาบราดอร์และสแปเนียลค็อกเกอร์ เพื่อใช้ในการดมกลิ่นตรวจหาไวรัส COVID-19 โดยสุนัขจะได้รับการฝึกฝนให้ดมกลิ่นตัวอย่างที่รวบรวมจากผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น COVID-19
ซึ่งการวิจัยดังกล่าวดำเนินการโดยคณะวิชาสุขอนามัยและเวชศาสตร์เขตร้อนของลอนดอน (LSHTM) มหาวิทยาลัยเดอแรม และ องค์กรด้านการใช้สุนัขดมกลิ่นทางการแพทย์ โดยที่ผ่านมาสุนัขที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นพิเศษสามารถตรวจค้นหาโรคต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งและมาลาเรีย โดยสามารถตรวจค้นหาโรคได้ถึง 250 คนในหนึ่งชั่วโมง
ความสามารถในการดมกลิ่นของโรคค่อนข้างยาก โดยโรคจะมีกลิ่นที่เจือจางเทียบเท่าน้ำตาลหนึ่งช้อนชาในสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐานโอลิมปิกจำนวน 2 สระ ซึ่งสุนัขที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษจะสามารถดมกลิ่นโรค ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะตัวได้ หากการทดสอบในขั้นตอนแรกสำเร็จ COVID Dogs จะถูกนำไปทดสอบขั้นที่ 2 โดยให้ดมผู้ต้องสงสัยในสถานการณ์จริง เพื่อแยกแยะผู้ติดเชื้อ COVID-19 ออกมา
ย้ำว่า COVID Dogs เป็นสุนัขที่ได้รับการฝึกพิเศษมา ฉะนั้นสุนัขปกติไม่มีความสามารถนี้และเจ้าของควรดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงป่วย เนื่องจากสภาวะอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัดในช่วงเวลานี้
Source: Newsweek
