แท็กซี่กับผู้โดยสาร ยังคงเป็นเรื่องถกเถียงได้อยู่ตลอดถึงความถูกต้องของแต่ละฝ่าย แม้ว่าธุรกิจ Ride Hailing ในไทยจะได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้โดยสาร ด้วยความสะดวก ปลอดภัย ที่สำคัญไม่มีข้อแม้ใดๆ ที่มักเจอเป็นประจำอย่าง “ส่งรถ” “หมดกะ” “แก๊สหมด” เป็นต้น แถมยังมีการคำนวนราคาค่าโดยสารล่วงหน้าเพื่อให้ผู้โดยสารตัดสินใจเลือกและเตรียมค่าเดินทางให้พร้อม
ทั้งนี้ธุรกิจ Ride Hailing ยังเป็นธุรกิจที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเสียทีเดียว เนื่องจากมีกฎหมายกำหนดในเรื่องของรถสาธารณะ (รวมถึงรถแท็กซี่และมอไซวิน) และใบขับขี่ของผู้ขับ ประกอบกับเป็นธุรกิจที่ไปทับซ้อนกับการให้บริการแท็กซี่รูปแบบเดิม (ที่หลายคนได้รับประสบการณ์ไม่ดี) ทำให้ Ride Hailing ในประเทศไทยยังเป็นธุรกิจแบบควบครึ่ง ที่สำคัญผู้โดยสารต้องติดตั้งแอปฯ บนสมาร์ทโฟนเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกรถได้
ที่จีนเองก็มีปัญหาเช่นใกล้เคียงกัน แต่เทศบาลเมืองเซี่ยงไฮ้ร่วมกับ SAIC Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ในการเริ่มให้บริการตู้เรียกแท็กซี่ “Shen Cheng Chu Xing” โดยเป็นตู้ที่มีการติดตั้งแอปฯ เรียกแท็กซี่ไว้ในโซนรอแท็กซี่มากกว่า 200 แห่งของเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยมีรถแท็กซี่เข้าร่วมแอปฯ ดังกล่าวกว่า 20,000 คัน ใช้ง่ายๆ แค่กดปุ่มเดียวแล้วรอแท็กซี่มารับ
โดยระบบจะไม่มีการระบุเป้าหมายเส้นทางไว้ ทำให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่มีแอปฯ และต้องการเดินทาง โดยแท็กซี่ที่มารับจะไม่สามารถปฏิเสธการให้บริการได้ และต้องไปส่งยังจุดหมายปลายทางภายในเมืองเซี่ยงไฮ้ ช่วยลดปัญหาการจราจรเพราะแท็กซี่สามารถจอดรอผู้โดยสารกดปุ่มเรียกได้ และแท็กซี่ทุกคันที่เข้าร่วมระบบดังกล่าวต้องผ่านการอบรมและตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
Source: China Daily