ถ้าจะเรียกว่าจีนเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีคงไม่ผิดจากความเป็นจริงมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดชนิดที่เรียกว่า บางค่ายถึงกับเทียบเทคโนโลยีเหนือกว่า Tesla ทั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้า รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขัยขี่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบไร้คนขับที่ค่ายรถจีนยืนยันทำได้มากกว่าที่ Tesla ออกวางจำหน่ายในปัจจุบัน และก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะขนาด Elon Musk ยังต้องใช้แบตเตอรี่ที่พัฒนาโดยบริษัทจีนอย่าง CATL
รถยนต์ไฟฟ้าของจีนกำลังกลายเป็รที่ต้องการของตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปซึ่งมีความต้องการระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันเป็นผลมาจากการออกกฎหมายห้ามจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปในอนาคตอันใกล้นี้ โดยล่าสุดค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอย่าง NIO ลงทุนเปิดโชว์รูมในกรุงออสโลเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ และถือเป็นโชว์รูมแห่งแรกจองค่าย NIO ในยุโรป โดย NIO เป็นการรวมธุรกิจ Startup อย่าง XPeng และ Hongqi โดยมี Build Your Dreams (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนเข้าร่วมด้วย
ขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ MG และ Maxus ภายใต้การดูแลของ SAIC Motor ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนอีกรายมียอดขายเกิน 12,000 คันในประเทศแถบยุโรป รวมถึงอังกฤษ นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก จากข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีน รถยนต์ไฟฟ้าช่วยให้การส่งออกรถยนต์ของจีนเติบโตเพิ่มขึ้น 102.5% เมื่อเทียบช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา การที่รถยนต์ไฟฟ้าจีนเจาะตลาดยุโรปสำเร็จเป็นการเปิดการแข่งขันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระดับนานาชาติ
ผู้ผลิต EV ของจีนกำลังมองถึงแผนใหม่ในการรุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์ทั่วโลกด้วยผลิตภัณฑ์ล่าสุดและเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงการพัฒนาระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยรถยนต์ NIO รุ่นใหม่สามารถจอดรถในจุดที่กำหนดเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่อัตโนมัติ โดยใช้เวลาเพียง 3 นาทีไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จ ซึ่ง NIO มีแผนติดตั้งสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ 20 แห่งในเมืองใหญ่ที่สุด 5 เมืองของนอร์เวย์และบนถนนสายหลักของบางประเทศ ด้าน Xiaomi ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของจีน เตรียมรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยงบกว่า 1 หมื่นล้านหยวน หรือราว 1.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วน GAC Group ก็มีโครงการร่วมกับ Huawei ในการพัฒนารถยนต์ Smart SUV
ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้จะมีผู้ประกอบการในประเทศไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย แต่ก็ดูเหมือนยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเพียงพอ เมื่อเทียบกับค่ายรถยนต์ทั้งจากจีน ญี่ปุ่น และค่ายจากยุโรป
Source: China Daily