ทุกคนคงได้ทราบกันแล้วถึงความสามารถของ Generative AI อย่าง ChatGPT ที่สามารถนำมาใช้เพิ่ม Productivity ในการทำงานให้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี มีตัวอย่าง Use Case มากมายออกมาให้เราได้ตื่นเต้นกันทุกวันและเชื่อว่ามันจะมาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ และล่าสุดมีสิ่งยืนยันที่หนักแน่นเพิ่มขึ้นอีกเมื่อ The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization (UNESCO) หรือ องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ออกคู่มือการใช้งาน ChatGPT เบื้องต้นและการใช้งานในการศึกษาระดับสูงออกมาแล้ว ซึ่งสามารถอ่านได้ที่ เว็บไซต์ของ UNESCO
เนื้อหามีอะไร?
คู่มือฉบับนี้มีชื่อว่า ChatGPT and Artificial Intelligence in higher education จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำการใช้งาน ChatGPT ที่กลายเป็นกระแสไปทั่วโลกมีผู้ใช้งานมากถึง 100 ล้านคนหลังเปิดตัวเพียง 2 เดือนเท่านั้น มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเริ่มต้นใช้งาน ChatGPT ตั้งแต่การสมัครใช้งาน และคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้งานอย่างปลอดภัยรวมไปถึง เทคโนโลยีเบื้องหลัง ChatGPT และความหมายของ AI เป็นต้น
ใช้ในการเรียนการสอน
ที่น่าสนใจก็คือการพูดถึงความเป็นไปได้ในการนำ ChatGPT ไปใช้ในการศึกษาระดับสูงในด้านต่างๆ เช่นการนำไปใช้ในการเรียนการสอน ในการออกไอเดียต่างๆ หรือการให้ ChatGPT เป็นคู่โต้แย้งหรือถกเถียงกับนักศึกษา หรือแม้แต่การสร้าง quiz หรือข้อสอบเป็นต้น
ช่วยทำวิจัย
นอกจากนี้ยังยังมีตัวอย่างการนำ ChatGPT ไปใช้งานในกระบวนการทำวิจัยด้วย ตั้งแต่ การให้ไอเดียเกี่ยวกับการทำโครงการวัยรวมไปถึงการตั้งคำถามต่างๆ การค้นคว้าข้อมูลจากฐานข้อมูลที่ให้ การแปลข้อมูลที่มาสู่ภาษาอื่น การวิเคราะห์ข้อมูล ให้คำแนะนำหัวข้อการวิเคราะห์ รวมไปถึงการเพิ่มคุณภาพงานเขียนได้
ช่วยหน่วยงานการศึกษา
UNESCO ระบุว่า ChatGPT สามารถสนับสนุนสถาบันการศึกษา หรือเจ้าหน้าที่ทางการศึกษาลดกระบวนการทำงานลงได้ และยังสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด อย่างเช่น การตอบคำถามเรื่องการสมัครเข้าเรียน การช่วยนักศึกษาลงทะเบียนเรียน ให้ข้อมูลการเรียนให้ครบตามหลักสูตร ช่วยเช็คข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการเรียน การสอบ สถานที่ ชั้นเรียน นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการแจ้งเตือนและการแปล เป็นต้น
ความท้าทายและจริยธรรม
UNESCO ระบุด้วยว่า ChatGPT ยังมีความท้าทายในการใช้งานในวงการการศึกษา บางประเทศถึงกับแบนการใช้งาน ChatGPT เนื่องจากหวั่นเกรงเรื่องการลอกผลงาน และเครื่องมือตรวจสอบการลอกผลงานในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถตรวจจับผลงานจาก ChatGPT ได้ด้วย นอกจากนี้ UNESCO ยังเป็นห่วงเรื่องของการขาดการกำกับดูแลของ ChatGPT จนล่าสุด UNESCO ได้ออกคำแนะนำเรื่อง จริยธรรม AI ไปก่อนหน้านี้ นอกจากนั้นยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว การแสดงออกถึงอคติ ความเท่าเทียม ปัญหาการเข้าถึงรวมถึงเรื่องของการนำ ChatGPT ในเชิงพาณิชย์ด้วย
ขณะที่เรื่องจริยธรรม UNESCO แนะนำให้สร้างมาตรฐานจริยธรรม AI ขึ้นทั่วโลกเมื่อให้การใช้ AI สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชน คุณค่าประชาธิปไตย หลักนิติธรรมตามหลักสากล และการใช้ AI จะต้องไม่ก่อให้เกิดอัตรายกับมนุษย์ รวมถึงมนุษยชาติต่อไปในอนาคตนั่นเอง
นั่นคือเนื้อหาบางส่วนที่สรุปมาให้จาก คู่มือ ChatGPT โดย UNESCO ที่เรียกว่าเป็นอีกขั้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี AI รวมถึง ChatGPT นั้นกำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์อย่างจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ได้โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษาถึงขั้นที่องค์กรระดับนานาชาติออกคู่มือแนะนำการใช้งาน รวมถึงให้ตัวอย่างการใช้งานเอาไว้อย่างชัดเจนด้วย และจากนี้เชื่อว่าทุกคนคงจะติดตามการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี AI ที่จะมาสู่ชีวิตประจำวันของพวกเรามากขึ้นอย่างตื่นเต้นเช่นกัน