เมื่อผู้บริโภคอยากเห็นบริษัทด้านความสวยความงามเป็นผู้นำในนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่นำผลิตภัณฑ์เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง และส่งมอบผลิตภัณฑ์อย่างชาญฉลาดมากขึ้น บริษัทเหล่านี้ก็ต้องเร่งสปีดพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับสตาร์ทอัพเพื่อนำ Beauty Tech มาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค
เทคโนโลยีด้านความสวยความงามเติบโตมาได้แล้วซักระยะ และปัจจุบัน ธุรกิจความสวยความงามเติบโตแบบก้าวกระโดด ในปี 2018 บริษัท GlobalData ได้ทำแบบสอบถามชิ้นหนึ่ง โดยระบุว่า ผู้บริโภคกว่า 38% บอกตรงกันว่า พฤติกรรมการบริโภคของพวกเขามักได้รับอิทธิพลมาจากเทคโนโลยีดิจิทัลที่ล้ำยุคหรือผลิตภัณฑ์อัจริยะที่บรรดาผู้เล่นนำมาเสนอในตลาด โดยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามมาใช้
L’Oreal อวดคอนเซ็ปต์ Beauty Tech ในงาน Viva Technology Trade Show ในกรุงปารีส
พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท L’Oréal ยักษ์ใหญ่แห่งวงการผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามสัญชาติฝรั่งเศสอวดคอนเซ็ปต์ Beauty Tech ในงาน Viva Technology Trade Show ในกรุงปารีส โดยหนึ่งในคอนเซ็ปต์เป็นการเปิดตัวแอพพลิเคชันแนะนำทรงผมชื่อ Virtual Hair Advisor จากการนำเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้เลือกลองทรงผม สีผม และสไตล์ทรงผมที่เหมาะกับใบหน้าและบุคคลิกภาพ ทั้งนี้ Virtual Hair Advisor ยังได้นำเอาปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างโดยบริษัท ModiFace ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้าน AR และ AI ที่ L’Oréal ซื้อมา มาใส่ลงในแอพฯ โดยช่วยแนะนำเรื่องสีผมให้กับผู้ใช้ผ่านหน้าจอ และคำแนะนำผ่านแอพฯ นี้มาจากข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการแต่งผมของ L’Oréal แล้วนำมาทำงานร่วมกับแอพฯ นี้
นอกจากนี้ L’Oréal ยังได้เปิดตัวแอพฯ Effaclar Sportscan โดย La Roche Posay ได้นำเอา AI และดาต้าขนาดใหญ่ มาช่วยวิเคราะห์ผิวที่มีแนวโน้มจะเป็นสิว ก่อนจะแนะนำสินค้าและบริการที่ช่วยรักษาสิว และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เหมาะกับผิวที่เป็นผิวที่เป็นสิว ส่วน Lancôme ก็เปิดตัวแอพฯ Shade Finder ที่ใช้ AI มาช่วยให้คำแนะนำการเลือกเฉดสีรองพื้นที่เหมาะกับสีผิวและสภาพผิวของผู้บริโภคแต่ละราย ณ จุดจำหน่ายในงาน และภายในปี 2019 ทาง Lancôme ยังตั้งเป้าเพิ่มจุดตรวจวิเคราะห์สภาพผิวด้วยเทคโนโลยีนี้ในอีกหลายร้านทั่วโลกอีกด้วย
การเปิดตัวด้าน Beauty Tech ของ L’Oréal อย่างอลังการในงาน CES 2019 ในลาสเวกัสในเดือนมกราคม 2019 ที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบเพื่อส่งสัญญาณว่า บริษัทพร้อมชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกับคู่แข่งหลักอย่าง Johnson & Johnson และ P&G ในด้าน Beauty Tech นอกจากนี้ การเปิดตัวอุปกรณ์เทคฯ และบริการชั้นนำด้านความสวยความงามของผู้เล่นรายใหญ่แต่ละรายยังช่วยให้แบรนด์ได้พัฒนาความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้ามากขึ้น และสร้างฐานข้อมูลเชิงลึกขนาดใหญ่ของลูกค้าได้ง่ายเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เพื่อจะได้ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าแต่ละคน
SK-II เปิดตัวร้านค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ Future X Smart Store
ในบรรดาผู้เล่นรายใหญ่ในงาน CES 2019 ยังรวมถึงแบรนด์ SK-II ที่เปิดตัวร้านค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ Future X Smart Store ที่เน้นสร้างสภาพแวดล้อมภายในร้านค้าปลีกของตัวเองให้เป็นเทคฯ และดิจิทัลทั้งหมด โดยนำเทคโนโลยี AI มาช่วยเสริมพลังให้กับนวัตกรรม เช่น พื้นที่บนผนังที่ให้ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้ และสามารถวิเคราะห์สภาพผิวจากระยะไกลและแนะนำสินค้าที่ตรงตามความสภาพผิวของผู้ใช้
Proctor & Gamble พัฒนาระบบการดูแลผิวให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายชื่อ Opte Precision Skincare
นอกจากนี้ P&G Ventures ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสตูดิโอของ Proctor & Gamble เองยังได้พัฒนาระบบการดูแลผิวให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายชื่อ Opte Precision Skincare โดยระบบดังกล่าวใช้อัลกอลิธึมช่วยในการจับภาพผิวในทุกสภาพ ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีการพิมพ์ และมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไว้ในอุปกรณ์ตัวเดียวกัน เทคโนโลยีดังกล่าวจะสแกนผิวของลูกค้าและทำการวิเคราะห์เม็ดสีผิว และแนะนำเซรั่มที่เหมาะสำหรับเม็ดสีผิวของลูกค้าแต่ละคนได้
ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่ในแวดวง Beauty Tech ต่างบ่มเพาะสตาร์ทอัพด้านเทคฯ และขับเคลื่อนกันอย่างรวดเร็วเพื่อเสริมกำลังให้กับธุรกิจด้านความสวยความงามของตัวเอง นอกจาก P&G Ventures แล้ว Unilever Ventures ก็ยังมีกลุ่มสตาร์ทอัพด้านเทคฯ ของตัวเอง เช่น กลุ่ม Ioma ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับแต่ละคน นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมของ L’Oréal ในซานฟรานซิสโกยังสนับสนุน My Skin Track pH ซึ่งเป็นอุปกรณ์ล่าสุด ภายใต้แบรนด์ La Roche-Posay ซึ่งวิเคราะห์ค่า pH ของผิวหนังเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ถูกต้องและแม่นยำ โดยทำงานร่วมกับ Epicore Biosystems ซึ่งเป็นบริษัทที่สร้างแพล็ตฟอร์มไมโครฟลูอิดและเซนเซอร์ขนาดพกพา
Guive Balooch รองประธานศูนย์บ่มเพาะ L’Oréal’s Technology Incubator ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกวิจัยและนวัตกรรมของ L’Oréal บอกกับสื่อในงาน CES 2019 เกี่ยวกับ My Skin Track pH ว่า วงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ตระหนักถึงความสำคัญของค่า Ph บนผิวที่ทำให้เกิดปัญหาด้านผิวพรรณกับคนนับล้านทั่วโลก เป้าหมายของ L’Oréal คือการนำเอาเทคโนโลยีสุดล้ำมาช่วยแก้ปัญหาด้านผิวพรรณ L’Oréal มุ่งมั่นที่ทำให้เกิดการต่อยอดทางเทคโนโลยีเพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์และตอบโจทย์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพและความสวยความงามมากขึ้น
อีกหนึ่งบริษัทที่เป็นของ L’Oréal เช่นกันคือ Color&Co ซึ่งเป็นแบรนด์น้ำยาย้อมสีผมที่ผู้ใช้สามารถซื้อไปทำเองได้ที่บ้านก็เปิดตัวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยีที่แบรนด์นำเอามาใช้คือช่วยวิเคราะห์สีผิวที่เหมาะกับลูกค้า ผ่านการทำแบบทดสอบออนไลน์ และผู้ใช้สามารถขอคำปรึกษาจากนักกำหนดสีมืออาชีพและได้รับใบอนุญาตเรื่องสีผมผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ และแอพฯ ตัวนี้ก็จะแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยสินค้าที่สั่งจะส่งตรงถึงบ้านของลูกค้าทางไปรษณีย์ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 19.90 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้บริโภคด้านความสวยความงามมีความต้องการให้มีการนำเสนอสินค้าและบริการที่เน้นเฉพาะบุคคลมากขึ้น และ L’Oréal ก็มีศักยภาพที่จะตอบโจทย์ธุรกิจส่วนนี้ เพราะเรื่องของสีผมเป็นเรื่องที่ต้องขึ้นอยู่หลายปัจจัย ดังนั้น L’Oréal จึงต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงที่จะช่วยส่งมอบเฉดสีที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าถึงบ้าน และเป็นครั้งแรก ที่ L’Oréal สามารถนำเสนอสีผมทุกเฉดผ่านแอพพลิเคชั่นที่ใช้ได้จากที่บ้าน — Guive Balooch, vice president of L’Oréal’s Technology Incubator, an arm of L’Oréal’s Research & Innovation Division
เทรนด์ Beauty Tech กำลังมา และไม่ใช่เพียงแค่การเริ่มต้น แต่หลายๆแบรนด์ดังได้เริ่มแล้ว เราจะได้เห็นวิวัฒนาการของการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาเป็นส่วนหนึ่งของความสวยงาม ในแบบฉบับที่ลงลึกถึงแต่ละบุคคลในเร็ววันนี้ Cosmetics จะกลายเป็น Smart Cosmetics ที่ทั้งผู้บริโภคและนักการตลาด จะต้องจับตาต่อไป
Source: JWT Intelligence