ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่าง Apple และ Meta คงจะไม่ลงรอยกันต่อไปเมื่อล่าสุด Apple ปรับปรุงแนวปฏิบัติใน App Store ขึ้นใหม่ที่เน้นให้นักพัฒนาแอปพลิเคชั่น iOS นั้นจะต้องใช้ระบบ In-App Purchase หรือไม่ใช่นั้นจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับ Apple เป็นสัดส่วน 30% จากยอดขายโดยเฉพาะการขาย Boost Post ในแอปพลิเคชั่นสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบกับ Facebook และ Instagram ของ Meta โดยตรงและอาจทำให้ค่า Boost Post นั้นอาจจะแพงขึ้นด้วย
การปรับปรุงระเบียบของ App Store ดังกล่าวจะนับเป็นครั้งแรกที่ Apple จะเก็บค่าธรรมเนียมจากการขายโฆษณาในแอปพลิเคชั่นที่อยู่บน iOS ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจให้กับบริษัท Meta ที่ได้รับผลกระทบแบบเต็มๆ โดย Tom Channick โฆษกของบริษัท Meta แถลงผ่าน The Verge ระบุว่า “Apple ยังคงปรับปรุงนโยบายเพื่อประโยชน์ของธุรกิจตัวเองและตัดโอกาสธุรกิจของคนอื่นในอุตสาหกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ Apple เคยบอกไว้ว่าจะไม่กินส่วนแบ่งจากยอดรายได้โฆษณาจากนักพัฒนา แต่เวลานี้ Apple กลับเปลี่ยนใจ ซึ่งเรายังคงมุ่งหมายที่จะให้บริการโฆษณาที่ง่ายและสร้างความเติบโตสำหรับธุรกิจรายย่อยต่อไป”
สำหรับการจ่ายเงินเพื่อ Boost Post นั้นเป็นฟีเจอร์ที่พบได้ทั่วไปในแอปพลิเคชั่นต่างๆไม่เฉพาะแอปพลิเคชั่นของ Meta เท่านั้น แต่สื่อสังคมออนไลน์อื่นๆอย่าง Twitter และ TikTok เองก็มีบริการนี้อยู่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Facebok และ Instagram จะแตกต่างออกไปเพราะในเวลานี้ไม่ได้ใช้ระบบ In-App Purchase ของ Apple สำหรับการ Boost Post ในขณะที่ Twitter และ TikTok นั้นใช้ระบบดังกล่าว
แน่นอนว่า Apple เองก็เคยกดดันให้ Facebook เชื่อมระบบซื้อ Boost Post กับ App Store มาแล้วเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ซึ่ง Facebook เองก็ปฏิเสธไป อย่างไรก็ตามข้อกล่าวหาของ Meta ที่ระบุว่า Apple นั้นกลับคำก็มีส่วนถูกอยู่เนื่องจาก Phil Schiller ผู้บริหาร Apple ที่ดูแล App Store เคยเข้ารับการไต่สวนในกรณีผูกขาดทางการค้าเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อนยืนยันว่า Apple ไม่เคยเก็บค่าธรรมเนียมรายได้โฆษณาจากนักพัฒนา ซึ่งในเวลานี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้วหลังจาก Apple ปรับปรุงกฎระเบียบ App Store ครั้งล่าสุดนี้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ Peter Ajemian โฆษก Apple ออกแถลงการณ์เช่นกันโดยระบุว่า “เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ แนวปฏิบัติของ App Store นั้นระบุชัดเจนว่าการขายบริการและสินค้าดิจิทัลในแอปพลิเคชั่นต้องใช้ “In-App Purchase” และการ Boost ซึ่งเป็นการช่วยให้บุคคลหรือองค์กรจ่ายเงินเพื่อเพิ่มการเข้าถึงโพสต์หรือโปรไฟล์ นั้นเป็นบริการดิจิทัล ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ระบบ In-App Purchase นี่เป็นกรณีที่ชัดเจนและมีตัวอย่างแอปพลิเคชั่นจำนวนมากที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ”
แม้แถลงการณ์ดังกล่าวจะไม่ได้ตอบคำถามว่าทำไม Apple จะต้องปรับปรุงแนวปฏิบัติ App Store ครั้งล่าสุดนี้แต่แน่นอนว่าแนวปฏิบัติใหม่เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมจากการขาย Boost Post ย่อมส่งผลกระทบกับ บรรดาธุรกิจขนาดเล็กและบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ ที่ซื้อ Boost Post ผ่าน Facebook และ Instagram ที่อาจจะต้องจ่ายมากขึ้นเพื่อเข้าถึงคนในจำนวนเท่าเดิม ซึ่งกรณีนี้ก็กระทบกับแอปพลิเคชั่นต่างๆของ Meta อย่างแบบเต็มๆ
ย่างก้าวนี้ของ Apple ถูกมองว่าเป็นการพุ่งเป้าเล่นงานไปที่ Meta อีกครั้งหนึ่งหลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งจะจัดการกับระบบ Ad Tracking ใน iPhone ที่ส่งผลกระทบกับรายได้โฆษณาของ Meta ไปมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Apple เองก็กำลังปลุกปั้นธรุกิจโฆษณาในหลายๆส่วนของ Ecosystem ของตัวเองอย่างเต็มที่ไม่นับรวมถึงการเตรียมพัฒนาอุปกรณ์ VR ออกสู่ตลาดที่เป็นการแข่งขันกับเจ้าตลาดแว่น VR อย่าง Meta ด้วยเช่นกัน