Alibaba คาดการณ์เทรนด์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ที่จะมาแน่ๆในปี 2023

  • 35
  •  
  •  
  •  
  •  

เมื่อเริ่มต้นก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ของทุกๆปี จะมีผู้เชี่ยวชาญในโลกเทคโนโลยีที่ออกมาคาดการณ์เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีใหม่กันเป็นจำนวนมากเพื่อให้โลกธุรกิจและคนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

การคาดการณ์เหล่านี้จะแม่นยำที่สุดหากเกิดขึ้นโดยผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งล่าสุดบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง  Alibaba เองก็ออกมาเปิดเผยคาดการณ์ผ่าน Alibaba DAMO Academy (DAMO) โครงการวิจัยระดับโลก จากการรวบรวมและวิเคราะห์จากเอกสารสาธารณะและการจดสิทธิบัตรในช่วงสามปีที่ผ่านมา และการสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ผู้ประกอบการ และวิศวกรทั่วโลกมากกว่า 100 ราย ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่ามีเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกในปี 2023 นี้ 10 เทรนด์ด้วยกัน

1.Generative AI

หนึ่งในเทรนด์ที่โดดเด่นมากที่สุดและสร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั่วโลกในรอบปีที่ผ่านมาย่อมหนีไม่พ้นเทคโนโลยี Generative AI หรือปัญญา “ประดิษฐ์แบบรู้สร้าง” ที่สมารถสร้างสรรสิ่งใหม่ๆได้ไม่ว่าจะเป็นชุดข้อความ รูปภาพ เสียงหรือแม้แต่วิดีโอ

เทคโนโลยีที่เราได้เห็นกันในปีที่ผ่านมาก็เช่น ChatGPT ที่สามารถตอบโตกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติจากข้อมูลที่มีอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังมี AI วาดภาพอย่าง Dall-E ที่สามารถสร้างภาพได้จากคำสั่งได้อย่างน่าทึ่ง บรรดา AI เหล่านี้ก็ถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมกันแล้ว และจากนี้ไปจะเกิดรูปแบบทางธุรกิจใหม่ ๆ และเกิดการใช้งาน AI ที่แพร่หลายมากขึ้น ขณะที่ AI ก็จะมีความสามารถมากขึ้นด้วย

2. Dual-Engine Dicision Intelligence

อีกเทคโนโลยีที่ Alibaba มองว่ามาแน่ก็คือ “การตัดสินใจที่ชาญฉลาดด้วยการวิจัยเชิงปฏิบัติการและแมชชีนเลิร์นนิ่ง” หรือ Dual-Engine Dicision Intelligence เป็นเทคโลยีที่จะเข้ามาช่วยตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งเข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการตัดสินใจด้านต่าง ๆ

เทคโนโลยีนี้จะใช้กันอย่างแพร่หลายในสถานการณ์หลากหลายในอนาคต เช่น การจ่ายไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ การกำหนดจุดจอดในสนามบิน และการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการผลิตต่าง ๆ เป็นต้น

3. Cloud-Native Security

การใช้ระบบความปลอดภัยที่รองรับการทำงานบนคลาวด์ หรือ Cloud-Native Security จะเป็นอีกเทคโนโลยีที่จะแพร่หลายมากขึ้นเนื่องจากเป็นสิ่งที่จะสร้างความปลอดภัยบนโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์ และ ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบริการด้านความปลอดภัยต่าง ๆ

ในสามถึงห้าปีจากนี้ การรักษาความปลอดภัยแบบคลาวด์-เนทีฟจะหลากหลายมากขึ้น นำไปใช้กับสถาปัตยกรรมมัลติ-คลาวด์ได้ง่ายขึ้น และเอื้อต่อการสร้างระบบความปลอดภัยได้แบบครบวงจร แม่นยำ และใช้กับสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดได้

4. Pre-Trained Multimodal Foundation Models

Pre-Trained Multimodal Foundation Models จะเป็นแบบอย่างและโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่ในการสร้างระบบ AI รูปแบบเหล่านี้สามารถรับความรู้จากแบบวิธีต่าง ๆ และนำเสนอความรู้นั้นตามกรอบการเรียนรู้ด้านการแสดงออกที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ในอนาคต foundation models จะถูกกำหนดขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานปกติของระบบ AI ที่ใช้ทำงานต่าง ๆ เช่น รูปภาพ ข้อความ และเสียง เป็นการเสริมศักยภาพระบบ AI ด้วยความสามารถด้านสติปัญญาในการให้เหตุผล การตอบคำถาม การสรุป และการสร้างสรรค์

5. สถาปัตยกรรม Cloud Computing ที่รวมฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์

 

Cloud Computing กำลังพัฒนาเป็นสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ Cloud Infrastructure Processor (CIPU) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ใช้ฮาร์ดแวร์เร่งความเร็วในการทำงานและควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ โดยจะช่วยเร่งการใช้แอปพลิเคชั่นบนคลาวด์ ในขณะเดียวกันยังคงความยืดหยุ่นและความคล่องตัวสูงไว้เพื่อการพัฒนาแอปพลิเคชันบนคลาวด์ CIPU จะกลายเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วไปของ Cloud Computing ยุคหน้า และนำมาซึ่งโอกาสด้านการพัฒนาใหม่ ๆ จำนวนมากในด้านการวิจัยและพัฒนาซอฟต์แวร์และการออกแบบ dedicated chip

6. โครงสร้างที่คาดการณ์ได้บน Edge-Cloud Synergy

โครงสร้างที่คาดการณ์ได้ หรือ Predictable Fabric เป็นระบบเน็ตเวิร์กที่ออกแบบร่วมกันโดยโฮสต์และเครือข่าย ขับเคลื่อนโดยความล้ำสมัยของคลาวด์คอมพิวติ้ง และมีจุดประสงค์เพื่อนำเสนอบริการเน็ตเวิร์กที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นเทรนด์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดย จะเข้ามาแทนที่สถาปัตยกรรมเน็ตเวิร์ก TCP แบบดั้งเดิม และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเน็ตเวิร์กหลักในดาต้าเซ็นเตอร์รุ่นต่อไป

7.  Computational Imaging

การสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ Computational Imaging เป็นสหวิทยาการเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่างหนึ่ง ซึ่งตรงข้ามกับเทคนิคการถ่ายภาพแบบเดิม โดยคอมพิวเตอร์สร้างภาพจากรูปแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ และความสามารถในการประมวลผลสัญญาณต่าง ๆ จำนวนมาก จึงสามารถวิเคราะห์ข้อมูลสนามแสงเชิงลึกที่ไม่เคยทำได้มาก่อนได้ เทคโนโลยีนี้มีใช้แล้วในวงกว้าง เช่น การถ่ายภาพของโทรศัพท์มือถือ, การถ่ายภาพทางการแพทย์, และยานยนต์อัตโนมัติ ในอนาคตการสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์จะยังคงปฏิวัติเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบเดิม และทำให้เกิดนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ เช่น การถ่ายภาพแบบไม่ต้องใช้เลนส์ และการถ่ายภาพแบบไม่อยู่ในแนวสายตา (Non-line-of-sight: NLOS) เป็นต้น

8. Chiplet

การใช้ชิปเล็ตหรือชิปขนาดย่อย (chiplet) ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถแบ่งระบบต่าง ๆ ที่รวมกันอยู่บนชิปตัวหนึ่ง (system on a chip: SoC)  ออกเป็น chiplet หลายตัว ทำการผลิต chiplet แยกกันและใช้กระบวนการผลิตที่แตกต่างกันแล้วรวม chiplet ทุกตัวไว้ใน SoC ผ่านการเชื่อมต่อกันภายในและแพคเกจจิ้ง ทั้งนี้
การรวมมาตรฐานการเชื่อมต่อกันของ chiplet ต่าง ๆ ให้เป็นมาตรฐานเดียว เป็นการเร่งกระบวนการพัฒนา chiplet ในระดับอุตสาหกรรม เทคโนโลยีแพคเกจจิ้งที่ล้ำหน้าช่วยเสริมให้ chiplet เป็นคลื่นลูกใหม่ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกระบวนการวิจัยและพัฒนาวงจรรวมและเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมชิปได้ต่อไป

 9. การประมวลผลในหน่วยความจำ (PIM)

เทคโนโลยีการประมวลผลในหน่วยความจำ (Processing in Memory: PIM) เป็นการรวมหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยความจำไว้บนชิปเดียว ซึ่งช่วยให้ประมวลผลข้อมูลในหน่วยความจำได้โดยตรง คาดว่าจะมีการใช้ชิปที่เป็นแบบประมวลผลในหน่วยความจำกับแอปพลิเคชันที่มีความสามารถสูง มากขึ้นในอนาคต โดยเทคโนโลยีนี้จะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น คลาวด์คอมพิวติ้ง, AI และอินเทอร์เน็ตออฟธิงค์ (IoT)

10. Large-Scale Urban Digital Twins

คอนเซปต์ของคู่เสมือนทางดิจิทัลของเมืองใหญ่ (Large-Scale Urban Digital Twins) ได้กลายเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลเมืองที่มีประสิทธิภาพ ณ ปัจจุบัน Urban Digital Twins ขนาดใหญ่มีบทบาทในการพัฒนาการทำงานสำคัญด้านต่าง ๆ เช่น การดูแลการจราจร การป้องกันและการจัดการภัยทางธรรมชาติ การวิเคราะห์จุดสูงสุดและความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นต้น ทั้งนี้ Urban Digital Twins ขนาดใหญ่จะทำงานโดยอิสระได้ด้วยตนเองและมีหลากหลายมิติมากขึ้นในอนาคต

นั่นคือ 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปีนี้หรือในอีก 2-3 ปีข้างหน้าและเชื่อได้ว่าจะมีความแม่นยำในระดับสูงเนื่องจากคาดการณ์โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Alibaba ที่เป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของโลก ซึ่งก็ต้องจับตาดูว่าพัฒนาการของเทคโนโลยีเหล่านี้จะก้าวหน้าไปได้แค่ไหนและธุรกิจหรือองค์กรใดจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปสร้างความก้าวหน้าต่อไปบ้าง


  • 35
  •  
  •  
  •  
  •