ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาโลกได้รู้จักกับ Generative AI ในฐานะเทคโนโลยีสุดล้ำที่จะมาช่วยมนุษย์ทำงานด้านต่างๆได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะ ChatGPT เอไอที่ทำงานบนพื้นฐาน LLM แสดงผลทางภาษาได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ที่พิสูจน์ผลงานมาแล้วหลากหลาย use case และนำไปเป็นโมเดลเบื้องหลังบริการต่างๆแล้วมากกมาย
นอกเหนือจากนั้นแล้วโลกก็ได้รู้จักกับ AI-Generative Art เอไอที่สามารถสร้างงานศิลปะได้ไม่ว่าจะเป็น Dall-E, Midjourney รวมไปถึง Stable Diffusion และเราได้เห็นผลงานเจ๋งๆจากแพลทฟอร์มเหล่านี้มากมายในโลกออนไลน์ แต่ก็อาจยังไม่เห็นตัวอย่างที่ถูกนำไปใช้จริงมากนัก อย่างไรก็ตามล่าสุดในเวที CTC 2023 ในเซสชั่น AI-Generative Art Use Cases for Business Opportunities บรรยายโดยคุณแม็กซ์ สุธัช เจริญผล ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Stable Duffusion Thailand และเจ้าของเพจ Bearhead ได้เล่าถึงการทำงานของ AI Generative Art และยกตัวอย่าง Business Usecase ที่มีการนำไปใช้กันจริงๆแล้วด้วย
จุดเริ่มต้น AI generate ภาพ
ก่อนจะไปเล่าถึง Use Case จริง คุณแม็กซ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Generative AI สร้างภาพว่าเริ่มต้นมาจากเทคโนโลยี Caption ของ AI ที่สามารถให้คำอธิบายภาพต่างๆที่ใส่เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ได้ ซึ่ง Genetative AI ก็ใช้เทคโนโลยีย้อนกลับก็คือการสั่งการด้วยการใส่ Caption และให้ AI สร้างภาพขึ้นมาแทน และภาพที่ AI สร้างขึ้นภาพแรกเกิดขึ้นในปี 2015 จาก Promt “A green school bus parked in parking lot”
หลักการสร้างภาพของ AI
Generative AI ที่ใช้สร้างภาพในปัจจุบันจะเรียนรู้ภาพจากอินเตอร์เน็ตรวมแล้วราว 5,000 ล้านภาพ ขณะที่กระบวนการเรียนรู้ของ AI จะใช้วิธีการนำภาพ original ใส่ Noise เข้าไปให้เยอะจนดูไม่ออกแล้วสร้างภาพขึ้นมาใหม่ให้เหมือนต้นฉบับมากที่สุดอีกครั้ง กลายเป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วย AI และ AI จะนำข้อมูลที่มีเหล่านี้จาก 5,000 ล้านภาพไปสร้างเป็นภาพตามคำสั่ง Promt ของผู้ใช้งาน
ความก้าวหน้าของ AI สร้างภาพ
แน่นอนว่า AI ยิ่งเวลาผ่านไปจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆจากการเรียนรู้นับตั้งแต่ปี 2015 ที่สร้างภาพเบลอๆขนาดเล็กมากๆ ปัจจุบัน AI พัฒนาไปได้แบบรวดเร็ว มีข้อมูลที่กว้างขวางนอกจากข้อมูลภาพต่างๆแล้วยังเข้าใจเรื่อง สี, รูปทรง, ความกว้าง, ความลึก, ความเงา, ความละเอียด, สไตล์ ฯลฯ ที่เป็นองค์ประกอบของภาพหรืองานอาร์ตเวิร์คภาพหนึ่งได้ดีขึ้นเยอะมากๆ
ปัจจุบันมีโมเดลภาพที่ถูกเทรนด์มากมายมหาศาลโดยเฉพาะในฝั่งของ Stable Diffusion ที่เปิด Open Source ให้คนทั่วโลกช่วยเทรนและพัฒนาโมเดลต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพแนวเหมือนจริง, แนวการ์ตูนหรือสไตล์การวาดรูปของศิลปินดังๆก็มี
ฟังก์ชั่น Text to Image
ความสามารถและการเรียนรู้โมเดลต่างๆของ Generative AI มีความสามมาถสร้างภาพได้จากข้อความเป็นภาพหรือ TXT2IMG ที่ปัจจุบันสามารถสร้างภาพได้ตามคำสั่ง Promt ได้เช่นสร้างภาพ Vincnet Van Gogh เล่นบาสเก็ตบอลในภาพในสไตล์ Van Gogh ได้ รวมถึงการ Train AI ให้รู้จัก “กระสือ” และสร้างภาพศิลปะ กระสือในสไตล์ PICASSO ก็ยังได้
ฟังก์ชั่น Image to Image
ความสามารถในการใช้คำสั่ง Promt ในการเปลี่ยนภาพภาพหนึ่งให้เป็นภาพอีกภาพหนึ่งหรือ IMG2IMG อย่างเช่นภาพตัวละครในการ์ตูนมังงะดังๆในอดีตที่มีคนนำมาสร้างเป็นภาพคนจริงที่เราเคยเห็นในอินเตอร์เน็ตอย่างเช่นตัวละครจากมังงะ City Hunter
นอกจากนี้ ความสามารถ IMG2IMG นี้ยังสามารถนำมาใช้ในเชิงธุรกิจได้เช่นการเปลี่ยนภาพห้องเปล่าๆและใช้คำสั่งให้ AI ช่วยเติมเฟอร์นิเจอร์เข้าไป หรือสร้างภาพห้องเหมือนจริงจากภาพ Sketch เพื่อทำให้ลูกค้าได้เห็น Mood and Tone เบื้องต้น ช่วยลดเวลาการทำงานด้านการออกแบบได้มากกว่าเดิมเยอะ
นอกจากนี้ยังมีเทคนิคที่เรียกว่า segmentation ที่สามารถเลือกสร้างภาพใหม่เฉพาะส่วนได้ ด้วยการใช้เทคนิคนี้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เก่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ AI ถูกเทรนไปก่อนล่วหน้า เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นภาพชัดเจนเมื่อมีเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าไปอยู่ในบ้าน ซึ่งเทคนิคนี้มีร้านเฟอร์นิเจอร์นำไปใช้จริงแล้ว
ฟังก์ชั่น INPAINT
ฟังก์ชั่น INPAINT คือการเลือกเปลี่ยนภาพเฉพาะจุดโดยยึดส่วนอื่นๆให้เหมือนเดิม ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจขายเสื่อผ้าขนาดเล็กแห่งหนึ่งอาจมีนางแบบแค่คนเดียว บริษัทนี้ก็สามารถใช้เทคนิคนี้ในการเปลี่ยนหน้านางแบบ ให้หลากหลายได้ทั้งหน้าตาและเชื้อชาติ อีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถนำไปใช้ได้ก็คือการสร้าง Virtual Blogger หรือ Virtual Influencer ให้ไปท่องเที่ยวและรีวิวในสถานที่ต่างๆก็ทำได้เช่นกัน
ฟังก์ชั่น OUTPAINT / RECOLOR / AI PAINT
OUTPAINT เป็นความสามารถของ AI ที่สามารถขยายภาพโดยรอบให้กว้างมากขึ้นได้อย่างเช่นงานขยายโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่เราเห็นบ่อยๆในโลกออนไลน์ ฟังก์ชั่นลงสีให้กับภาพร่างก็สามารถทำได้
AI Art ที่สามารถ Custom ได้
ปัจจุบัน Stable Diffusion มีความสามารถเพิ่มเติมอีกมากมายยกตัวอย่างเช่นความสามารถในการเทรน AI ให้รู้จักใบหน้าที่เราต้องการด้วยการใส่ dataset ใบหน้าที่ต้องการเข้าไปให้ AI เรียนรู้และนำออกมาสร้างเป็นภาพบุคคลที่มีใบหน้าอย่างที่เราต้องการด้วยโมเดลหลักเช่น Dreambooth รวมถึงโมเดลเสริมที่ทรงพลังอย่าง LORA MODEL เป็นต้น
นี่เป็นเพียงความสามารถบางส่วนของ AI สร้างภาพในยุคปัจจุบัน นอกเหนือจากนี้ยังมี tools ต่างๆในการใช้ Control ภาพให้เป็นไปตามต้องการด้วยเช่นการควบคุมใบหน้า ดวงตา แขนขาให้ถูกต้องตามหลักความจริง การควบคุมท่าทางของมนุษย์ รวมไปถึงความชัดลึกชัดตื้นก็มี
USE CASE จริงในประเทศไทย
Use Case แรกที่ที่คุณแม็กซ์ นำมาเล่าให้ฟังก็คือการใช้ Generative AI ในการสร้างภาพตัวแทนพรรคการเมืองในการดีเบทก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่เพิ่งผ่านมาโดยสื่อดังอย่าง The Standard ที่อาจจะประสบปัญหาไม่สามารถนัดนักการเมืองทุกคนเข้ามาถ่ายภาพโปรโมทในเวลาเดียวกันในสภาพแสดงเดียวกันได้ทั้งหมด AI จึงถูกเลือกให้เป็น Solution ในครั้งนี้และก็ทำได้ดีด้วย
นอกจากนี้ยังมีบริษัท SME แห่งหนึ่งที่ทำธุรกิจขายตาชั่งที่ใช้ AI สร้างแผงทุเรียนที่มีนางแบบยืนข้างๆตาชั่ง ซึ่งก็จำเป็นที่จะต้องเทรน AI ให้รู้จักตาชั่งของบริษัทและแผงทุเรียนในประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้หลายๆบริษัทก็มีการใช้ AI นำไปสร้าง Artwork ในการโพสต์คอนเทนต์ ใช้สร้าง TextArt ลงบนลายเสื้อของนายแบบนางแบบหรือแม้แต่การสร้าง Art Work ประกอบคอนเทนต์หรือ แม้แต่ทำแบนเนอร์สำหรับหาเสียงของพรรคการเมืองก็มีมาแล้ว
Use Case จาก AI Space Story
คุณตั้มจาก บริษัททำบ้าน และเจ้าของเพจ AI Space Story ก็เล่า Use Case จากการใช้ AI ได้อย่างน่าสนใจเช่นกัน โดยคุณตั้ม เล่าว่าใช้ AI อย่าง ChatGPT ใช้สร้าง Content เกี่ยวกับการออกแบบบ้านผ่านเพจ AI Space Story กว่า 90% และใช้ Generative AI สร้างภาพบ้านสวยๆ รวมไปถึงภาพ Interior นำมาแชร์ในเพจซึ่งเพจนี้สามารถสร้างยอดผู้ติดตามได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้คุณตั้มยังใช้ AI Voice ในการทำช่อง TikTok ของ AI Space Story ซึ่งสามารถสร้างยอดผู้ติดตามได้มากถึง 3,000 คนในเวลา 2 สัปดาห์เท่านั้น
ในส่วนของบริษัททำบ้านของคุณตั้มมีการนำเครื่องมือ AI อย่าง roomGPT มาใช้ในการ Re-design ห้องให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถเลือกรูปแบบการ รีโนเวทบ้านในสไตล์ต่างๆได้อย่างอิสระ ซึ่งเรื่องนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าได้อย่างมาก
คุณตั้มเล่าว่ากระบวนการในการนำ AI มาใช้ในการทำธุรกิจนั้นจะผ่านการสร้างแรงบันดาลใจด้วย Content ผ่าน AI Space Story นำไปสู่การใช้ AI ช่วยลูกค้าสร้าง Concept Design ด้วย AI ก่อนที่จะดึงลูกค้าสู่บริษัททำบ้านที่จะมีการออกแบบและก่อสร้างโดยละเอียดจากมนุษย์ ซึ่งเรื่องนี้จะทำให้การออกแบบบ้านในอนาคตเป็นเรื่องที่ง่ายและประหยัดเวลาขึ้นอีกมาก
ภาพที่สร้างจาก AI ยังไม่ถือเป็นงานลิขสิทธิ์
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิที่เป็นคำถามสำหรับคนที่จะนำไป AI ไปใช้งานมาโดยตลอด คุณแม็กซ์ระบุว่าปัจจุบันภาพที่สร้างจาก AI ไม่ถือเป็นงานลิขสิทธิ์ แต่หากภาพเหล่านั้นได้ถูกมนุษย์นำไปสร้างเป็นคอนเทนต์ใหม่ เช่นใส่ตัวหนังสือ รีทัช สร้างเป็น Artwork ใหม่ๆภาพนั้นก็จะกลายเป็นลิขสิทธิของผู้สร้างในทันที
ทั้งหมดนี้คือความก้าวหน้าของ Generative AI ในการสร้างภาพที่คุณแม็กซ์ และคุณตั้มได้ฉายภาพให้เห็นถึงความสามารถ และ Use Case จริงที่นำไปใช้กันแล้วในเวลานี้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นโอกาสสำหรับแบรนด์และธุรกิจในทุกรูปแบบทุกอุตสาหกรรมที่จะนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้กันได้ซึ่งใครที่อยากจะศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของ Generative AI สร้างงาน Art เหล่านี้ให้มากขึ้นก็สามารถเข้าไปศึกษากันได้ที่กลุ่ม Stable Duffusion Thailand รวมถึงลอง Generate ภาพ AI ของตัวเองขึ้นมาดูเพื่อสัมผัสความทรงพลังของ AI ในเวลานี้