เปิดชีวิตแบบสุดเหวี่ยงของ Markus Persson แห่ง Minecraft จากเด็กเนิร์ดสู่มหาเศรษฐี

  • 14
  •  
  •  
  •  
  •  

perssonHILI

Markus Persson หรือ  “Notch”  ผู้สร้างสรรค์เกมชื่อดัง Minecraft เมื่อปี 2009 ในตอนนั้นเองเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะเปลี่ยนแปลงเขาไปทั้งชีวิต

สำหรับเกม Minecraft เป็นเกมที่ให้ผู้เล่นสร้างบ้านสร้างเมืองสิ่งแวดล้อมต่างๆ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเล่นเลโก้ในรูปแบบดิจิตอล ซึ่งตอนนี้มีผู้ดาวน์โหลดแล้วมากกว่า 100 ล้านครั้ง และหลังจากที่ Microsoft ได้ซื้อกิจการ Mojang ไป (บริษัทที่รับผิดชอบในการสร้างสรรค์ Minecraft) ทำให้ Perrson มีทรัพย์สินพุ่งสูงถึง 1.5 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว

“ในด้านหนึ่งผมไม่เคยใส่ใจหรอกว่าจะทำเงินได้มากแค่ไหน แต่ในอีกด้านหนึ่งมันก็แปลกเล็กๆ ที่ผมสามารถสร้างบางอย่างที่สามารถทำเงินได้อีก ได้อีก ไปเรื่อยๆ คือถ้าคุณสร้างรถคุณก็สามารถขายมันได้หนเดียว หรือถ้าคุณทาสีรั้วคุณก็รับเงินได้หนเดียว แต่ถ้าคุณครีเอทชิ้นส่วนของซอฟแวร์ ซึ่งอิสระจากการผลิตซ้ำๆ คุณก็จะสามารถทำเงินจากมันได้อยู่เรื่อยๆ ไปตลอดกาล”

ถือว่าเขาเป็นหนึ่งในนักพัฒนาซอฟแวร์ที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่ง และสำหรับไลฟสไตล์ของ Notch นั้นช่างมันสุดติ่ง เขาเติมเต็มชีวิตด้วยเครื่องเจ็ตส่วนตัว ชอบไปปลดปล่อยอารมณ์ ใน EDM concerts และมีแมนชั่นสุดหรูราคาหลายล้านดอลล่าร์

ถ้าเช่นนั้นลองมาดูข้อมูลอีกหลายๆ ด้านที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับ Markus Persson หรือ  “Notch”  กันบ้าง

1. Persson เกิดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ปี 1979 ที่ Edsbyn เมืองชนบทเล็กๆ ทางตอนเหนือของกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เขาเรียนรู้การเขียนโค้ดด้วยตัวเองและถูกจ้างในตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทเว็บดีไซน์เนอร์แห่งหนึ่งเมื่ออายุเพียงแค่ 18 ปี

2.เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ในการดีไซน์ Minecraft ซึ่งยังเป็นเพียงกราฟฟิคอย่างหยาบๆ “ผมแค่ต้องการสร้างเกมหนึ่งขึ้นมาเพื่อหาเงินทำเกมอื่นก็เท่านั้นเอง” เขาให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ผ่านนิตยสาร Rolling Stone

หลังจากนั้น Notch ได้ปล่อย Minecraft เวอร์ชั่น alpha ออกมาเมื่อปี 2009 ต่อมาเขาก็ได้เพิ่มฟีเจอร์อื่นเข้าไปอีกเรื่อยๆ และให้ผู้เล่นสามารถสร้างและสำรวจโลกที่ซับซ้อนในสไตล์เลโก้นี้เพิ่มขึ้น

3.ช่วงก่อนที่จะปล่อยเกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์  Minecraft ก็ฮิตติดลมบนไปแล้ว และเมื่อเดือนกันยายน ปี 2010 Persson และเพื่อนซี้ Jakob Porser ได้ก่อตั้งบริษัทวิดีโอเกม ซึ่งตั้งชื่อว่า Mojang” เป็นบริษัทที่ช่วยพวกเขาพัฒนา Minecraft และเกมอื่นๆ โดยมี Carl Menneh นั่งในตำแหน่งซีอีโอ

persson2

4.Minecraft กลายเป็นตำนานและมีแฟนตัวยงอยู่ทั่วโลก โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 มีผู้คนลงทะเบียนเล่น original PC game นี้มากกว่า 100 ล้านคน และ 14.3 ล้านคนยังเปลี่ยนมาจ่ายเงินเพื่อ accounts ด้วย

5.Mojang เริ่มเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้เล่น Minecraft ประจำปี เมื่อปี 2010 โดยเรียกกันอย่างง่ายๆ ว่างาน “Minecon” ซึ่งเริ่มต้นมาจากผู้เล่นเพียงแค่ 50 คนจนกระทั่งในปี 2013 มีมากกว่า 7,500 คนแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2014 Minecon ถูกเลื่อนออกไป ซึ่งต่างคาดหวังกันว่าจะกลับมาอีกครั้งในปีนี้

persson3

6.สำนักงานของ Mojang ตั้งอยู่ที่กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งเป็นออฟฟิศที่หรูหรามาก ไม่ว่าจะเป็นโซฟาหนัง โต๊ะพูล เครื่องเล่นพินบอล และภาพวาดสีน้ำมันซึ่งเป็นภาพของพนักงาน ทั้ง 40 คน โดยในภาพด้านล่างนี้เราจะเห็นภาพวาดของ Persson ใส่สูทสีดำ สวมหมวกสักหลาด โพสต์ท่านั่งข้างลูกโลก

persson4

7.เรามักจะเห็นPersson สวมหมวกสักหลาดสีดำอยู่บ่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา แต่ในการดูแลควบคุม Minecraft  ร่วมกับ Jens Borgensten โปรแกรมเมอร์และดีไซนเนอร์เกมของ  Mojang เมื่อปี 2011 เขากลับวิตกเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆ ของเกมมากกว่าความคาดหวังในการดำเนินธุรกิจ เขาเคยบอกกับ the New Yorker ว่า “ผมไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน และผมก็ไม่ต้องการจะเป็นบอสของใคร ผมแค่ต้องการทำงานของผมตรงนี้มากกว่า”

8.ในเดือนกันยายน ปี 2014 Microsoft ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในการซื้อบริษัท Mojang เป็นมูลค่าถึง 2.5 พันล้าน ทำให้ Persson กลายเป็นมหาเศรษฐีในทันที

9.Persson ต้องแยกตัวจาก Mojang หลังจาก Microsoft เข้าควบคุมกิจการ แต่เขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในฐานะดีไซน์เนอร์และที่ปรึกษาเกม

10.Persson รักทั้งงานของเขาและการเข้าถึงแฟนๆ เขานับว่าเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับบรรดาเกมเมอร์บนทวิตเตอร์และแม้แต่แบ่งปันภาพของช่อดอกไม้ที่เขาได้รับจากแฟนๆ ด้วย

11.เพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจาก Microsoft ซื้อกิจการไป Persson ก็ทำลายสถิติด้วยการซื้อแมนชั่นสุดหรูที่เบเวอร์รี่ฮิลล์ มูลค่าสูงถึง 70 ล้านดอลล่าร์!! ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 2,300 ตารางฟุต ซึ่งมีรายงานว่าเป็นบ้านหลังที่เจย์-ซี และบียอนเซ่ หมายตาเอาไว้ด้วย แต่บิดราคาแพ้ Persson

persson5

12. และบ้านหลังดังกล่าวนี้ก็หรูหราอลังการแบบสุดๆ ไปเลยด้วย เช่น โฮมเธียร์เตอร์แบบ 18 ที่นั่ง ชักโครกหรูหราในราคา 5 พันดอลล่าร์ โรงจอดรถ 16 หลัง และบาร์ขนาดใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วย Dom Perignon แชมเปญรสเลิศที่สุด

13.และดูเหมือนว่าเขาจะเอ็นจอยชีวิตในบ้านหลังใหม่นี้อย่างมาก ซึ่งไม่นานหลังจากที่มีข่าวการทำลายสถิติการซื้อครั้งใหญ่นี้รั่วออกไป เขาก็ทวีตภาพเลานจ์ขนาดใหญ่ภายในบ้านซึ่งเต็มไปด้วยขนมหวานนานาชนิด

persson6

14.สองสามสัปดาห์หลังจากนั้น เขาก็จัดปาร์ตี้งานช้าง ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนดังมาร่วมงานมากมาย อาทิ Zedd นักดนตรีแนวอิเล็กโทรนิก , Selena Gomez และ Dillon Francis ดีเจและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ก็มาร่วมงานด้วย

15.ปาร์ตี้ของ Persson จัดว่าเป็นตำนานเลยทีเดียว อย่างที่ทราบกันว่าเขาเป็นแฟนตัวยงของเพลงแนว EDM และมักจะเป็น host ให้กับดีเจชื่อดังมากมาย อาทิ Avicii, Deadmau5 และ Skrillex

“มันโง่มากๆ ที่ผลาญเงินไปแบบนี้” เขากล่าวกับ Rolling Stone “แต่ทำไมล่ะ? ก็ในเมื่อคนมักจะพูดว่าคุณควรจะลงทุนบางอย่าง ดังนั้น ผมก็น่าจะใส่เม็ดเงินลงไปสักหน่อย ที่ที่อย่างน้อยคุณก็ได้ใช้มัน และมันอาจจะกลับมาเป็นอะไรสักอย่างก็ได้”

16.เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่าน Persson จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 46,000 ดอลล่าร์ เพื่อซื้อแผ่นเสียงหายาก อัลบั้มที่ไม่เคยวางจำหน่ายของวงอิเล็กโทรนิกชื่อว่า Aphex Twin โดยอัลบั้มชุดนี้ถูกปล่อยโดย James Thomas แฟนเพลงของ Aphex Twin โดยรายได้ส่วนหนึ่งของเงินจาก Persson จะนำไปใช้เพื่อการกุศลด้วย

“Persson เขาเป็นคนที่ดีจริงๆ เขาไม่สนเลยว่าเงินของเขาจะต้องไปใช้ในการกุศลด้วยหรือไม่ (ซึ่งหลังจากที่ทราบว่ารายได้ครึ่งหนึ่งจะนำไปใช้ในการกุศลด้วยเขาแฮปปี้มากๆ ) เพราะว่าเขาเป็นแฟนตัวจริงของ Aphex ตั้งแต่เมื่อเขายังเด็กๆ เลย” Thomas กล่าว

persson7

17.ถึงเวลาปาร์ตี้ Persson ชอบที่จะเดินทางด้วยเครื่องเจ็ตส่วนตัว เมื่อปี 2013 เขานำสต๊าฟทั้งหมดบินไปยังโมนาโก ซึ่งพวกเขาได้สนุกสนานกับการขับรถเฟอร์รารี่ และปาร์ตี้สุดหรูบนเหรือยอชท์

18. และเขายังเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ที่แพงที่สุดในกรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งเขาซื้อไว้ในราคาเกือบ 4 ล้านดอลล่าร์เมื่อเดือนมิถุนายน ปี2014 ซึ่งอยู่ในย่านแฟชั่นที่เรียกว่า Östermalm

19.แม้จะเป็นคนที่ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ แต่ Persson ก็เป็นคนที่ชอบทำการกุศลมากๆ เขาบริจาคเงินกว่าพันดอลล่าร์เพื่อปกป้องอิสระในการพูดบนอินเตอร์เน็ต รวมทั้งบริจาคเงิน 250,000 ดอลล่าร์ให้กับ Electronic Frontier Foundation เมื่อปี 2012 และในปี 2011 เขายังให้เงินถึง 3 ล้านดอลล่าร์ที่เขาได้รับกลับเข้าเป็นเงินปันผลให้กับพนักงานของ Mojang อีกด้วย

แหล่งที่มา


  • 14
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!