สตาร์ทอัพ VS บริษัทใหญ่ งานไหนที่ใช่ที่โดนสำหรับคุณ

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

Workplaces

คนหางานย่อมต้องเลือกระหว่างการทำงานในบริษัทใหญ่มั่นคงหรือสตาร์ทอัพไฟแรง ความแตกต่างระหว่างทั้งสองแบบคร่าวๆ คือ บริษัทใหญ่มีเวลาทำงานตายตัวกว่าแต่มีสวัสดิการมากมายกว่า ขณะที่แม้สตาร์ทอัพอาจจะไม่มีสวัสดิการดีเท่าแต่ก็มีช่วงเวลาทำงานที่ยืดหยุ่นและมีโอกาสก้าวหน้าได้ดีกว่ามาก ต่อไปนี้เป็นคำถามที่คุณต้องถามตัวเองก่อนเลือกทำงานในบริษัทใดๆ

คุณมีอาชีพในฝันไหม?

การทำงานกับสตาร์ทอัพต้องทำงานหลากหลายทุกตำแหน่ง บางครั้งมันก็จับฉ่ายและทำได้ไม่ดีสักอย่าง ดังนั้น การทำงานในบริษัทใหญ่ที่ตรงกับความต้องการของคุณจะช่วยให้คุณเก่งทางลึกในสิ่งที่คุณชื่นชอบ แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าอาชีพในฝันของคุณคืออะไรก็ลองทำสตาร์ทอัพดูก่อนดีกว่าครับ

คุณต้องใช้ความรู้และประสบการณ์แค่ไหนถึงจะถึงฝั่งฝัน

สตาร์ทอัพมักมีแต่คนที่ด้อยประสบการณ์และอาจไม่ได้เก่งจริงๆ ในตำแหน่งที่ทำ แต่สำหรับบริษัทใหญ่ คุณจะได้เจอกับคนเก๋าเกมและเก่งมากกว่าคุณมากมาย พวกเขาจะช่วยสอนงานคุณและทำให้คุณกลายเป็นโปรฯในอนาคต หากแต่ในทางกลับกัน โอกาสที่คุณจะพัฒนาก้าวนำพวกเขาก็เป็นเรื่องยากมากๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หากงานที่คุณต้องการทำคือเป็นเจ้าของกิจการ คุณก็อาจต้องการทำงานแบบจับฉ่ายที่ทำให้คุณรู้จักงานในทุกตำแหน่ง

คุณต้องการมีอิทธิพลแค่ไหน?

ในองค์กรใหญ่ คนเก่งแย่งกันอยู่ ความสำคัญของคุณก็จะลดต่ำลงอย่างช่วยไม่ได้ หากแต่ในสตาร์ทอัพ คุณจะสำคัญและต้องทำทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม ในบริษัทใหญ่คุณก็จะได้ความรู้เชิงลึกที่ทำให้เมื่อคุณย้ายตำแหน่ง ความรู้เหล่านั้นก็นำไปใช้งานที่อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สภาพแวดล้อมแบบไหนที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ

ลองพิจารณาตัวเองว่าคุณเป็นคนประเภทไหน ถ้าชอบคิดนอกกรอบ ไม่ชอบอยู่ในกฏเกณฑ์ก็ควรทำงานกับสตาร์ทอัพ แต่หากชอบความมั่นคง ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง และไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่นัก งานบริษัทใหญ่ที่คุณเป็นมดงานตัวเล็กๆ ก็น่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า

Source


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
อุ้งทีนหมี
เตาะแตะในโรงเรียนชายล้วนแถวยศเส ก่อนเติบโตต่อในมหาวิทยาลัยริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ที่สุดจับพลัดจับผลูเข้าทำงานในนแวดวงสื่อสารมวลชนมาแล้วกว่า 4 ปี โต้ลมโต้ฝนทั้งในวงการข่าวต่างประเทศ เยาวชน ธุรกิจ การเมือง สังคม ฯลฯ แต่สุดท้ายกลับลำมาหลงรักวงการมาร์เก็ตติ้งที่ข้ามน้ำข้ามทะเลไปขี่จิงโจ้เรียนปริญญาโทมา เลยตัดสินใจหันหางเสือออกสู่การผจญภัยครั้งใหม่อีกสักตั้ง