ในปัจจุบันผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น เป็นเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ทุกวันนี้แค่จับโทรศัพท์มือถือก็สามารถสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ หรือการเปรียบเทียบราคาสินค้าผ่านทางออนไลน์ได้ทั้งหมด ไม่แปลกใจว่าทำไม “Shoppertainment” ถึงเป็นเทรนด์ใหม่แห่งโลกอนาคตของออนไลน์
“Shoppertainment” (Entertainment + Commerce) หมายถึง การค้าผ่านความบันเทิงที่ใช้ “ความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้บริโภค” (Emotional Connection) ด้วยการทำคอนเทนต์บันเทิงควบคู่ไปกับการให้ความรู้ รวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับสินค้าเพื่อสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภค ซึ่งทุกวันนี้ Shoppertainment ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะ “TikTok”
โดยในงานสัมมนาการตลาด GroupM FOCAL 2023 ในหัวข้อ Ignite Shoppertainment 2023 Sneak preview of the Mega Sales Opportunity on TikTok กับคุณ “Nutchaya Arakvichanun” Channel Partnerships lead TikTok Thailand ได้เปิดเผยว่า TikTok ได้มีการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้ในไทยช่วงปี 2023 พบว่า
ตอนนี้ผู้บริโภคได้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น โดยคาดการณ์ว่ามูลค่าการค้ารูปแบบ Shoppertainment ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะแตะไปที่ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในประเทศไทยจะพุ่งทะยานถึง 12.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 440,000 ล้านบาท) ภายในปี 2025
โดยยังพบอินไซด์ของผู้บริโภคระบุบว่า 8 in 10 ของผู้ใช้งาน TikTok ตั้งตารอที่จะช้อปปิ้งในช่วง mega sales และ ผู้ใช้งาน TikTok ยังบอกอีกว่ามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายสูงกว่าคนที่ไม่ได้เล่น TikTok ประมาณ 3.5 เท่า เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจะอยู่ที่ 10,000-17,600 บาท
Insight ของนักช้อปบอกว่าโฆษณาทำให้ความตั้งใจอยากช้อปลดลง
– 6 in 10 ของผู้ใช้งาน TikTok บอกว่า ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะซื้อ เมื่อพวกเขาเห็นเนื้อหาแบรนด์นั้น ๆ
– 34 % ของผู้ใช้งาน TikTok บอกว่า ถ้าคอนเทนต์นั้นดูขายของมากเกินไป ทำให้ไม่อยากซื้อเพราะดูเตี๊ยมกันกับแบรนด์
– 85% ของผู้ใช้งาน TikTok บอกว่า อาจจะเปลี่ยนแอปพลิเคชันไปเลยระหว่างการช้อปปิ้ง เพราะรู้สึกว่าคอนเทนต์ไม่ได้ตอบโจทย์ และดูไม่น่าสนใจ
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ ด้านของผู้บริโภคว่าอยากช้อปปิ้งหรือไม่ แต่ผู้ใช้งานบางคนก็บอกว่าโฆษณาที่มีสาระน่าสนใจอาจทำให้สนใจสินค้าหรือบริการมากขึ้น และอาจจะกระตุ้นให้ซื้อสินค้าได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังเกี่ยวกับประเภทของโฆษณาที่ใช้ หรือวิธีใช้โฆษณาเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้บริโภครู้สึกเบื่อ รำคาญ ถูกกดดัน นั้นเอง
Shoppertainment ที่ช่วยดึงดูดธุรกิจ E-commerce ที่ดีต้องมีลักษณะอย่างไร
- 77 % entertain : ผู้ใช้งาน TikTok บอกว่า เขาจะซื้อสินค้านั้น ถ้าคอนเทนต์ดึงดูดและน่าสนใจ
- 2 in 3 emotionally connect : ผู้ใช้งาน TikTok บอกว่า อยากจะลองซื้อแบรนด์ใหม่ ๆ ถ้าแบนด์นั้นตอบโจทย์ และบอกถึงข้อดี ข้อเสีย ของสินค้า หรือเป็นการให้ความรู้ก็จะอยากซื้อสินค้านั้นมากขึ้น
- แฮชแท็ก : โดย TikTok ยังแนะนำสำหรับแบรนด์หรือร้านค้าว่า “แฮชแท็ก” เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่ม Engagement
จากอินไซด์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า TikTok ไม่เพียงแต่เป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์ม Shoppertainment ที่สามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายให้กับแบรนด์ได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น TikTok และ การขายของสามารถทำให้กลมกลืนกันได้ โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกรำคาญใจ
3 กลยุทธ์ที่ TikTok แนะนำเพิ่มยอดผู้ติดตาม
- Recut : คือคอนเทนต์ที่มีอยู่ในทุก ๆ วัน เช่น ละคร ซีรี่ส์ ภาพยนตร์ หรือโฆษณา นำมาตัดเป็นคลิปสั้น ๆ ลงใน TikTok จากข้อมูลผู้ใช้งานใน TikTok ชอบดูคอนเทนต์ประเภทนี้และมักจะติดตามเพราะอยากดูต่อ
- Remix : คือการเล่าเรื่องที่มีอยู่แล้ว มาเล่าในรูปแบบใหม่ที่เป็นตัวเรามากขึ้น จากข้อมูลการนำเรื่องต่าง ๆ มาเล่าในแบบของตัวเองส่วนใหญ่ผู้ใช้งานใน TikTok ชื่นชอบเพราะดูเป็นธรรมชาติไม่เฟค
- Reimagine : นำรูปหรือวิดีโอที่มีอยู่แล้วแต่ใส่ effect ของ TikTok การทำเช่นนี้ TikTok จะช่วยดันวิดีโอของผู้ใช้งานให้มี engagement มากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวลจะเห็นได้ว่าเทรนด์ Shoppertainment เป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก ทำให้แบรนด์ขนาดเล็กไปจนถึงแบรนด์ขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ Shoppertainment ยังช่วยสร้างการมีส่วนร่วมด้านความบันเทิงที่สามารถช่วยกระตุ้นความสนใจผู้คนได้ จนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้อีกด้วย