ในอนาคต AI (ปัญญาประดิษฐ์) กำลังกลายมาเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญและอาจจะเป็นภัยคุกคามที่สามารถทำให้หลาย ๆ คนตกงานได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือทุกคนต้องรู้เท่าทัน AI เพื่อที่จะปรับตัวและใช้ประโยชน์จาก AI ให้ได้มากที่สุดสำหรับการทำงาน เพราะในวันข้างหน้าทุกคนจะใช้ AI เป็น แต่ใครละที่จะใช้เก่งที่สุด
โดยบทความนี้จะมาสรุปเนื้อหาจากงาน SCBX UNLOCKING AI: EP1 ความร่วมมือระหว่าง SCBX และ Insiderly AI ในหัวข้อ Thailand Path to AI Opportunities จาก Speakers ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ – Senior Researcher NECTEC ,ดร.วินน์ วรวุฒิชัย – Founder & CEO BOTNOI Group และ คุณธัชกรณ์ วชิรมน – CEO บริษัท Sertis จะมีเนื้อหาอะไรบ้างที่น่าสนใจ Marketing Oops! สรุปไว้แล้วดังนี้
รู้เท่าทัน AI ACT (ร่างกฎหมายของ AI)
ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ Senior Researcher NECTEC จะมาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ National AI Strategy Policy, Guidelines, Standard & Law โดยบอกว่าเมื่อปีที่แล้วได้ศึกษา AI Standard พบว่าการจะเข้าใจ มาตรฐานด้าน AI จะต้องทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพบว่าส่งผลต่อนักพัฒนาและผู้ใช้หลายอย่าง
AI ACT หรือร่างกฎหมายปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Act) มีเป้าหมายเพื่อควบคุมและกำกับกระบวนการเทรนข้อมูลขนาดใหญ่สำหรับ AI ตลอดจนการนำมาใช้งานที่เหมาะสม ทำให้นักพัฒนาทั่วโลกไม่ค่อยพอใจ เพราะไม่แน่ใจว่าจะสามารถนำ AI ไปใช้งานในองค์กรของตัวเองได้หรือเปล่า ซึ่งคาดว่าจะประกาศใช้งานในช่วงต้นปี 2024
สำหรับประเทศไทยมีการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ จนเกิดเป็นแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์เพื่อการพัฒนาประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2565-2570 โดยมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญมาช่วยร่างกฎหมายด้วยกัน ซึ่งมียุทธศาสตร์เป้าหมาย และผลลัพธ์ตามแผนปฏิบัติการด้าน AI ดังนี้
- จริยธรรมและกฎระเบียบ AI : ตั้งเป้าว่าจะต้องทำให้ 600,000 คนตระหนักถึงความสำคัญของการมีกฎหมาย ข้อบังคับด้าน AI ให้ได้
- โครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI : จะทำอย่างไรให้เกิดการเชื่อมโยง Data ขนาดใหญ่ ให้คนเข้าถึงข้อมูล เพื่อนำไปพัฒนาโมเดลของผู้พัฒนาแต่ละเจ้าได้
- กำลังคนด้าน AI : ตั้งเป้าให้ประเทศไทยมีหลักสูตรการเรียนการสอนด้าน AI ในระดับปริญญา หรือสนับสนุนให้เกิดการสร้างทักษะด้าน AI ทุกระดับ ตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงผู้ใหญ่ให้เข้าใจเรื่องของเทคโนโลยี
- ส่งเสริมธุรกิจและการใช้ AI : การเอา AI มาใช้ในธุรกิจมีเป้าหมายทำให้ GDP สูงขึ้น ซึ่งสามารถทำให้ทุกคนเข้าถึง AI ที่ปลอดภัย
พลิกโฉม E-Commerce ด้วย Data
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า AI ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสายอาชีพเสมอไป แต่จริง ๆ แล้ว AI มีประโยชน์อย่างมากในแวดวงธุรกิจโดยเฉพาะด้าน E-Commerce ที่สามารถแนะนำสินค้า หรือการใช้ราคาแบบยืดหยุ่น และการได้ข้อมูลเชิงลึกโดยใช้เทคโนโลยี AI เป็นต้น
คุณธัชกรณ์ วชิรมน CEO Sertis จะมาแชร์ประสบการณ์ในหัวข้อ Transforming E-Commerce with Data-Driven Innovation โดยจุดเริ่มคือการเปิดบริษัท Sertis มา 10 ปี ทำเรื่องเกี่ยวกับโซลูชัน AI ที่พัฒนาขึ้นมาเอง มีพนักงานทำเรื่องเทคโนโลยี และ Data ทำให้เจอสิ่งที่น่าสนใจ 9 ข้อดังต่อไปนี้
- AI ถูกสร้างขึ้นจะมนุษย์ โดยมีการป้อน Data เป็นจำนวนมาก ดังนั้นทุกคนที่สร้างจึงอยากมีข้อมูลที่มากที่สุดอยู่ในมือ เพราะจะทำให้ AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการใช้งาน
- AI ไม่ใช่แค่ Chat GPT หรือแค่ Generative AI แต่มันเป็นมากกว่านั้น คือเป็นเครื่องมือช่วยคิดที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์และ AI สามารถพัฒนาในการเรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกได้อีกด้วย
- AI เรียนรู้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตได้รวดเร็ว สามารถสร้างงานเขียน, รูปภาพ, Text และอื่น ๆ อีกมากมาย
- ปัญหาหลายองค์กรที่ทำ E-Commerce มีสินค้าที่เยอะมาก และไม่มีคนทำคอนเทนต์ แต่ปัญหาพวกนี้จะหมดไปถ้าใช้ AI
- Smart Chatbot สามารถทำให้งานขายสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และยังสามารถเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย เพราะมีการตอบแชตข้อมูลเบื้องต้นที่ลูกค้าต้องการ ทำให้เหมือนคุยกับลูกค้าตลอดเวลา ส่งผลให้ลูกค้าแฮปปี้กับทางร้านนั่นเอง
- หลายองค์กรไม่รู้วิธีเก็บหรือเข้าถึง Data อย่างไร วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเริ่มเอา ChatGPT หรือโปรแกรม Chatbot อื่น ๆ มาใช้เพื่อให้โปรแกรมเหล่านี้เก็บข้อมูลมาให้เรา ทำให้เรารู้ถึงยอดขายต่าง ๆ ที่ต้องการ
- ระบบแนะนำสินค้า เป็นอีกสิ่งที่องค์กรควรทำ โดยใช้ Data เข้ามาช่วยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แบบ Realtime
- มี Data ในมือสามารถสร้างรายได้ โดยการนำไปขาย เพราะหลายองค์กรเองก็ต้องการข้อมูลของลูกค้า เพื่อเข้าใจลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ
- หลายคนชื่อคิดว่าไม่จำเป็นต้องพึ่ง AI เพราะสามารถหาข้อมูลได้เอง แต่ถ้ามองดี ๆ AI ช่วยให้เราประหยัดเวลา และสามารถสร้างประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
AI สามารถโคลนเสียง และแปลเป็นภาษาท้องถิ่น
ดร.วินน์ วรวุฒิชัย Founder & CEO BOTNOI Group จะมาเล่าในหัวข้อ AI Voice Cloning & Localization คือการโคลนเสียงและแปลเสียงเป็นภาษาถิ่นได้ “BOTNOI” เป็นผู้ประกอบการที่ใช้ AI สร้างเสียง โคลนเสียง หรือ Voice Clone และผลสิ่งที่น่าสนใจว่า ผู้คนแทบแยก ไม่ออกว่า เสียงไหนคือเสียงของ Andrew NG ตัวจริง ผลปรากฏว่า คนแทบแยกไม่ออกว่า เสียงไหนคือเสียงของ Andrew NG ตัวจริง
Andrew Ng (แอนดรูว์ อึ้ง) คือหัวหน้าทีม Google Brain ที่ Google เคยเป็น Chief Scientist ที่ Baidu และเป็น Co-founder ของ Cousera แล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ด้วย ล่าสุดก่อตั้ง Landing AI ที่มีเป้าหมายจะเปลี่ยน “บริษัทชั้นยอด” กลายเป็น “บริษัท AI ชั้นเยี่ยม”
ตัวอย่างที่1 BOTNOI ได้นำเว็บไซต์อย่าง ThaiPBS เพิ่มฟังก์ชัน “อ่านให้ฟัง” เอาเสียงผู้ประกาศข่าวมาโคลนแล้วกดให้อ่านข่าว เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาอ่านข่าว แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีข้อจำกัดตรงที่ AI ไม่สามารถอ่านคำตัวย่อได้ เช่น พ.ศ. ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่านักข่าวอ่านผิดจนสุดท้ายต้องใส่ Disclaimer ประกอบว่า นี่คือเสียงที่สร้างขึ้นจาก AI ไม่ใช่ของผู้ประกาศตัวจริง เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ซึ่งทำให้เห็นว่า AI ก้าวไปอีกขั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ
โดยในปัจจุบัน BOTNOI ต้องการโคลนเสียงของใคร จะให้คนนั้นอ่านข้อความประมาณ 200 ประโยค แล้วนำเสียงและ Text รวมถึงเลียนแบบการขยับปากเข้าไปในระบบเพื่อให้ AI เรียนรู้ ยิ่งมีรายละเอียดมากเท่าไรก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น BOTNOI ยังพัฒนาเทคโนโลยีถึงขั้นทำให้เสียงของคนหนึ่ง พูดอีกภาษาหนึ่งโดยคงสำเนียงความเป็นตัวเองเอาไว้ได้ ซึ่งสามารถต่อยอดในการพากย์เสียงภาพยนตร์ได้อีกด้วย
ตัวอย่างที่2 ช่วง COVID-19 ทำให้ยอดขายตกทาง Cadbury จึงปิ๊งไอเดียนำนักแสดงบอลลีวู้ดชื่อดังมาช่วยโฆษณาร้านค้า โดยการเอาเสียงของนักแสดงดัง Shah Rukh Khan มาใช้ ซึ่งผลตอบรับดีเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรเสียก็ต้องระวังไม่ใช่นำไปใช้ในทางที่ผิดเพราะปัจจุบันมีแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือผู้พัฒนาด้าน AI ทุกคนจะตระหนักรู้ในเรื่องนี้ พร้อมกับอุดช่องว่างของการเกิดอาชญากรรมให้ได้มากที่สุด
Future of AI and Thai Business: Innovation & Growth กับ ประเด็นเรื่องอนาคตของ AI และธุรกิจนวัตกรรมไทย คนทำธุรกิจในปัจจุบันล้วนมีคำถามว่า จะใช้ AI อย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ โดย Marketing Oops! ได้สรุปเนื้อหาดังนี้
- คุณธัชกรณ์ เล่าว่า Sertis จะช่วย Big Data Analytics และ Data Science ทำให้เป็นระบบมากขึ้น และประหยัดต้นทุนรวมถึงช่วยเพิ่มยอดขาย
- ดร.วินน์ แนะนำว่า เราสอนให้ AI มาทำเรื่องซ้ำ ๆ เดิม ๆ แทนมนุษย์ได้ เช่น การนำ AI มาตอบคำถามลูกค้า ที่ลูกค้ามักถามเข้ามาบ่อย ๆ ได้เป็นการช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกด้วย
- การขอ Data จากต่างองค์กรเป็นเรื่องยากเพราะหลายคนหวงข้อมูล โดยดร.อภิวดี ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันหน่วยงานรัฐมีกฎหมายที่ให้ข้อมูลแต่ละหน่วยงานสามารถเชื่อมโยงเข้าถึงกันได้ คือข้อมูลด้านการแพทย์ แต่ในภาคเอกชนยังไม่มี
- ในปัจจุบัน AI ได้รับความนิยม แต่เมืองไทยคนมีความรู้และประสบการณ์น้อยมากไม่เพียงพอต่อความต้องการ
- BOTNOI ยอมรับว่า ไม่บังคับใครเข้ามาทำงานด้าน AI ด้วยเพราะรู้ว่ายาก ตนเริ่มต้นจากปั้นคนในองค์กรของตัวเองก่อน เริ่มจากการคลาสเรียนสอน AI ที่ออฟฟิศ ปรากฏว่าคนสมัครมาเรียนเยอะมาก ทำให้รู้ว่ามีคนอยากทำงานด้านนี้แต่ไม่มีโอกาสและขาดประสบการณ์
- คุณธัชกรณ์ บอกว่าจำเป็นมากที่คนไทยจะต้องใช้ประโยชน์จากความ Local แล้วก้าวไปสู่ Global การทำ AI ที่เป็นของไทย เข้าใจภาษาไทยจะเป็นแต้มต่อที่นำไปสู่การพัฒนา
- ประเทศไทยยังมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ทำให้มีการพัฒนา AI ได้ช้า