ทีมงาน JWT Intelligence ได้ออกผลงานทิ้งทายปลายปีในการเป็นผู้เชี่ยวชาญจับเทรนด์โลกมาให้นักการตลาดทั่วโลกได้ศึกษาก่อนวางแผนกิจกรรมการตลาดในปี 2018 ที่จะถึงนี้
โดยเอกสารที่แจกฟรีออนไลน์นี้ พูดถึง 100 เทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับทั้งโลกแห่งเทคโนโลยี การตลาด วงการอาหาร ฯลฯ เป็นต้น
ดาวน์โหลดเอกสารกว่า 200 หน้าไปอ่านฟรีที่นี่
โอกาสนี้ผู้เขียนจึงขอสรุปเฉพาะเทรนด์เด็ดๆ ที่จะช่วยให้คุณนำมาปรับใช้กับธุรกิจและกลุ่มผู้บริโภคที่มีปริมาณมหาศาลมากที่สุดในโลกอย่างกลุ่ม Xennials นั่นเอง
Xennials คือใครกันนะ?
Xennials คือกลุ่มคนที่อายุระหว่าง 30-45 ปี (หรือมากกว่า) ซึ่งเป็นกลุ่มคนในช่วงระหว่างยุคของ millennial และ generation X นั่นเอง
ซึ่งบุคลิกของคนกลุ่มนี้ก็ชัดเจน นั่นก็คือ มีวุฒิภาวะพอสมควร ผ่านโลกมาระดับหนึ่ง ฉะนั้นจะคิดอ่านอย่างรอบคอบ มีเป้าหมายที่จะมีชีวิตที่ไม่กดดันจนเกินไป
ด้วยเหตุนี้ทั้งในอเมริกาและจีน คน Xennials จึงเลือกที่จะใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ลำดับสองของประเทศตนเอง เพราะค่าครองชีพไม่สูงจนเกินไป การแข่งขันก็ไม่สุดโต่ง ทำให้พวกเขายังสามารถกำหนดชะตาชีวิตตัวเองได้ถ้าขยันมากพอ และยังใช้ชีวิตฮิปปี้แบบมีความสุขได้เพราะข้าวของเครื่องใช้ รวมถึงที่พักอาศัยไม่ได้แพงเกินไป
ซึ่งหากมองย้อนมาถึงไทย กลุ่ม Xennials ก็อาจจะหมายถึงผู้ที่เปิดบริษัทยังหัวเมืองใหญ่อื่นๆ ที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ อาทิ เชียงใหม่ หัวหิน โคราช เป็นต้น
ต่อจากนี้จะเป็น 5 เทรนด์ที่ JWT คาดว่าจะมาแรงในปี 2018
1. การมาถึงของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง 5G
5G เร็วกว่า 4G 100 เท่าและความเร็วระดับนี้คาดว่าจะอยู่กับเราไปจนถึงปี 2020 จนกว่าจะมีเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำกว่ามาแทนที่ ซึ่งก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเทคโนโลยีไฮเทคอื่นๆ ให้ฮิตและเข้าถึงได้ไวยิ่งขึ้น อาทิ การดูหนังที่มีเนื้อหาแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่คนดูจะเป็นผู้กำกับและเลือกตอนจบได้เอง วิธีนี้จะทำการถ่ายทำหนังเรื่องนึงยาวนานแล้วท้าทายกว่าหนังทั่วไป รวมถึงการประมวลผลข้อมูลมหาศาล ให้มาแสดงผลในรูปแบบของ AR, VR, AI เป็นต้น
2. เชิดดูผู้หญิงแกร่ง
กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญไปทั่วโลก หลังจากโลกนี้ปกคลุมด้วยผู้ชายที่เป็นผู้นำในทุกบริบทของสังคมมาหลายศตวรรษ
แต่วันนี้วันที่โลกเข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยี ที่ไม่มีการแข่งขันด้านพละกำลัง สตรีหลายคนก็มีความสามารถเทียบเท่ากับผู้ชาย เป็นทั้งนายกหญิง นักกีฬาโอลิมปิก นักวิทยาศาสตร์ที่สร้างผลงานเปลี่ยนโลก อย่าง อาจารย์กฤษณา สตรีไทยผู้คิดค้นยาต้านเอดส์ที่บิลเกตส์ยกย่อง
รวมถึง การผันตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท อาทิ บริษัทสตาร์ทอัปที่เกิดจากปัญหาของผู้หญิงและก่อตั้งโดยผู้หญิงเช่น Flex ผ้าอนามัยแบบสอดที่ใส่ได้ขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์เป็นต้น
รวมไปถึงการเข้าหากลุ่มตลาดแบบเพื่อนซี้ของสตรี (BFF – Best Friends Forever.) ก็เป็นกลยุทธ์ใหม่ที่หลายแอปฯ นำมาใช้ เช่น แอปฯ หาเพื่อนสาวที่ชื่นชอบอะไรเหมือนกันมาทำกิจกรรมด้วยกัน เช่น คนชอบเย็บปักถักร้อย ก็มาหาเพื่อนใหม่ที่สนุกกับเรื่องนี้ไปด้วยกัน
3. แจ้งเกิดคนธรรมดาๆ ที่มีอาชีพไม่ประจำทำเงินกว่า
เพราะทุกคนบนโลกมีความพิเศษเป็นของตัวเอง และประกอบกับโลกนี้มีเครื่องมือสื่อสารทันสมัยที่เชื่อมโยงคนทั้งโลกเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ เฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ทำให้ทุกคนมีสื่อของตัวเอง
ดังนั้น เมื่อแต่ละคนได้โชว์ความสามารถให้โลกรู้จนกลายเป็นคนดัง ก็มีแฟนคลับ เมื่อมีแฟนมากๆ แบรนด์ก็จะเข้าไปหา จึงทำให้เกิดอาชีพใหม่อย่าง KOL (Key Opinion Leander), Influencer, Net IDOL เกิดขึ้นมา เพื่อให้พวกเขามีแรงทำสิ่งที่ตัวเองรัก ขณะเดียวกันก็ยังได้รายได้อีกด้วย
ทำให้แนวคิดเก่าๆ อย่างการต้องเรียนสูงๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคนนั้น เป็นอะไรที่เอ้าท์ไปแล้ว
เพราะการเป็นนายตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ มันเป็นอะไรที่ฟินกว่าเยอะ+
5. สินค้าไร้แบรนด์ จะเริ่มฮิต
ลูกค้ายุคนี้ฉลาดพอที่จะไม่โดนแบรนด์หลอกโดยเข้าใจว่าราคาสินค้ากว่า 50% นั้นถูกจ่ายไปกับค่าโฆษณา ดังนั้นจะดีกว่าไหม หากมีผู้ประกอบการคิดดี สร้างสินค้าคุณภาพพรีเมี่ยมมาขายตรงกับลูกค้า โดยไม่ต้องโฆษณาอะไรให้เว่อร์วัง เพียงแค่บอกตรงๆ ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แล้วให้ลูกค้าที่ฉลาดเลือกซื้อเอง
ซึ่งตัวอย่างของแบรนด์ Brandless ก็โชว์ให้เห็นว่า มีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อแนวคิดนี้จริงๆ
รายงานฉบับนี้ยังมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกมาก นักการตลาดมิควรพลาดความรู้ฟรีๆ อย่างนี้ ว่าแล้วก็เชิญโหลดได้ที่นี่