หลายคนที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี อาจต้องเปลี่ยนความคิด เพราะจากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฉบับล่าสุด (e-Conomy SEA 2024 Report) ที่จัดทำโดย Google, Temasek และ Bain & Company คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยจะมีมูลค่าสินค้ารวม (Gross Merchandise Value – GMV) ระดับ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 ที่สำคัญยังคงมีขนาดใหญ่และเติบโตเร็วเป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในหลายธุรกิจ
5 ธุรกิจที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโต
ถ้าลองถอดรหัสภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย จะพบ 4 ธุรกิจหลักที่ทำให้เติบโต ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ e-Commerce ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการเติบโตขึ้นอย่างมากของ Video Commerce ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ยิ่งการนำเสนอคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคสนุกและเข้าใจในตัวสินค้าจนนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ
โดยคาดว่า ธุรกิจ e-Commerce จะเติบโตขึ้น 19% ในปี 2567 โดยมีมูลค่าสินค้ารวม 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะส่งผลต่อเนื่องไป ธุรกิจขนส่งและบริการส่งอาหารออนไลน์ ที่คาดว่าจะมีมูลค่าสินค้ารวมกันกว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โตขึ้น 6% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce และอีกส่วนเติบโตจากธุรกิจการท่องเที่ยว
นั่นทำให้ ธุรกิจการท่องเที่ยวออนไลน์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโต เนื่องจากนักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการส่งอาหารออนไลน์ ขณะที่ตลาดเองก็มีการแข่งกันสูง โดยเฉพาะในเรื่องของการทำกำไร โดยคาดว่าจะมีมูลค่าสินค้าตลาดรวมแตะ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 หรือโตขึ้น 32% จากปี 2566 และมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคฯ
ที่สำคัญ มาตรการใหม่ด้านวีซ่าช่วยส่งเสริมให้มีการเดินทางเข้าประเทศเพิ่มขึ้นด้วย โดย 45% ของการใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในไทยมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของคนไทยก็พุ่งสูงขึ้นถึง 270% นับตั้งแต่ปี 2563 โดยนักท่องเที่ยวชาวไทยเกือบ 70% นิยมท่องเที่ยวในประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ธุรกิจสื่อออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ยังมีส่วนช่วยสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา วิดีโอออนดีมานด์ เพลงออนดีมานด์ และเกม โดยมีอัตราเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 7% คาดว่ามูลค่าสินค้ารวมจะแตะ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และยังคงมีแน้วโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องแข็งแกร่งและมั่นคง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความนิยมที่เพิ่มขึ้นของดิจิทัลคอนเทนต์ เกม และบริการสตรีมมิงต่างๆ
และ บริการด้านการเงินดิจิทัล (Digital Financial Services – DFS) ที่ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้มีการชำระเงินดิจิทัลโตขึ้น 5% ในปี 2567 และคาดว่าจะมีมูลค่าธุรกรรมรวม (Gross Transaction Value – GTV) สูงถึง 1.41 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่บริการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล คาดว่าจะส่งผลให้มียอดคงค้างสินเชื่อสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 คิดเป็นอัตราการเติบโต 28% เป็นการเติบโตเร็วเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของภาครัฐ ที่จะช่วยกระตุ้นให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society)
AI เครื่องมือหลักที่ผักดันไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
เป็นที่ยอมรับแล้วว่า AI คือเครื่องมือสำคัญที่พลิกโฉมประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจากข้อมูลสำรวจพบว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นพื้นที่ที่มีความสนใจและความต้องการบริการ AI สูงที่สุด โดยเฉพาะ 3 กลุ่มหลักที่มีความสนใจในการค้นหาเกี่ยวกับ AI ทั้งกลุ่มการศึกษา เกมและการตลาด นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีความต้องการแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่มี AI ทั้งการสร้างคอนเทนต์ เอฟเฟกต์ภาพถ่าย และการตัดต่อวิดีโอ
ด้านธุรกิจเองก็กำลังหันมาใช้ประสิทธิภาพของ AI โดยเฉพาะการโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย การสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล และการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ส่งผลให้ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า และการส่งเสริมนวัตกรรม
ในส่วนของการลงทุนด้านเทคโนดลยี AI ก็เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภค โดยในครึ่งแรกของปี 2567 มีการลงทุนเพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ความจุ (Capacity) ของศูนย์ข้อมูลที่วางแผนไว้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 550% โดยเติบโตมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ภาครัฐหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลด้วยนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต
ด้าน แจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย ชี้ว่า จากข้อมูลยังพบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ตั้งแต่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไปจนถึงกลยุทธ์ 4 ปีของรัฐบาล ที่มุ่งผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นดิจิทัลฮับชั้นนำในภูมิภาคฯ รวมไปถึงการพัฒนาด้านศูนย์ข้อมูลและ AI พร้อมทั้งส่งเสริมให้บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามาลงทุนในไทยด้วยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและลดขั้นตอนกระบวนการต่างๆ
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมูลค่าสินค้ารวมและรายได้เติบโตอยู่ในระดับเลขสองหลัก นอกจากนี้ธุรกิจยังสามารถทำกำไรพุ่งสูงขึ้นในทุกภาคส่วน ซึ่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญและยังคงเป็นผู้นำในแง่ของพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ที่สำคัญประเทศไทยยังกำลังก้าวขึ้นเป็นแหล่งบ่มเพาะด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI
ส่งผลให้การลงทุนจากภาคเอกชนในประเทศไทยกลับมาฟื้นตัว โดยในครึ่งแรกของปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง 92% ของจำนวนนี้เป็นการลงทุนในบริการด้านการเงินดิจิทัล จากรายงานมีการระบุปัจจัย 4 ด้านที่ช่วยดึงดูดการลงทุน
- การประเมินมูลค่าในการเข้าลงทุนที่สมจริง
- โมเดลการสร้างรายได้ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลจริง
- แนวทางในการทำกำไรที่ชัดเจน
- ทางออกสำหรับธุรกิจที่ทำได้จริง
ความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัลเรื่องสำคัญของเศรษฐกิจไทย
ความเชื่อมั่นในระบบดิจิทัล (Digital Trust) และการเสริมศักยภาพของ AI รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล จะช่วยให้เศรษฐกิจดิจิทัลไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ขณะที่สถานการณ์ที่อาชญากรรมทางไซเบอร์กลับมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้ผู้บริโภคคนไทยเริ่มมองหาฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้
ด้านแพลตฟอร์มต่างๆ เองก็มีการนำและพัฒนาระบบการตรวจจับกลโกงที่ทำงานด้วยระบบ AI และมาตรการการปฏิบัติตามข้อกำหนดมาใช้กันมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและโปร่งใสจะช่วยส่งเสริมการใช้บริการชำระเงินดิจิทัลซึ่งเป็นที่นิยมในไทย ตลอดจนการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
ทำให้การพัฒนาในด้านการรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากหลายธุรกิจและหน่วยงานภาครัฐมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้กันมากขึ้นอย่างรวดเร็ว การนำระบบ AI มาใช้จะช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์และกลโกงออนไลน์ได้อีกทางหนึ่ง
รวมไปถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ มีส่วนสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัย ครอบคลุม และมีความยืดหยุ่น โดย Google ได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ในการช่วยปกป้องคนไทยจากกลโกงออนไลน์ด้วยฟีเจอร์ป้องกันกลโกงใหม่ผ่านฟีเจอร์ Google Play Protect