ทำความรู้จักพฤติกรรม-ทัศนคติ “ผู้บริโภคสายกรีน” และ 4 เทรนด์ธุรกิจรักษ์โลกมาแรงแห่งยุค

  • 1.4K
  •  
  •  
  •  
  •  

Green Consumer - Green Business

ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ปัญหาภัยแล้ง

ไทยติดอันดับประเทศที่มีขยะทะเลมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก 

สถานการณ์ไฟป่ารุนแรงในออสเตรเลีย

สิ่งมีชีวิตในทะเล และมหาสมุทรตกอยู่ในภาวะอันตรายจากขยะพลาสติก

ฯลฯ 

ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้บริโภคหันมาตระหนัก และตื่นตัวต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น 

แน่นอนว่าย่อมมีทั้งผู้บริโภคที่คิด และลงมือทำ 

ขณะเดียวกันก็มีผู้บริโภคที่คิด แล้วทำบ้างเป็นบางครั้ง หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่คิดอย่างเดียว 

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ ซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) เปิดข้อมูลงานวิจัย “การตลาดโลกสวย  Voice of Green : เพื่อโลก เพื่อเรา” ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ กลุ่มผู้บริโภคตัวอย่างจำนวน 1,252 คน และแบบสัมภาษณ์​เชิงลึก 105 คน รวมทั้งหมดแบ่งเป็นผู้ชาย 33.7% และผู้หญิง 67.3% ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Baby Boomers, Gen X, Gen Y, Gen Z 

 

Voice of Green

 

พลาสติก” สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมมากสุดในความคิดผู้บริโภค – “ประหยัดไฟการกระทำง่ายสุด ช่วยทั้งสิ่งแวดล้อม และประหยัดเงิน

ในการสำรวจครั้งนี้ ได้ถามระหว่างความคิดที่ผู้บริโภคมองถึงปัจจัยที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม และตัวเขาเองจะสามารถช่วยด้านสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีใด VS. “การกระทำคือ การลงมือทำจริง เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม พบว่า

ด้านความคิด ผู้บริโภคมองว่า ส่ิงที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด คือพลาสติกเพราะเป็นขยะย่อยสลายยาก (4.67%) 

Voice of Green

อันดับ 2 สิ่งที่สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมคือมลพิษ” (4.50%) โดยมีรถยนต์เป็นต้นเหตุสำคัญ รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรม 

Voice of Green

อันดับ 3 ขยะ (4.47%) กลุ่มตัวอย่างมองว่า “การแยกขยะ” เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่เหตุผลที่คนไทยยังไม่ทำอย่างแพร่หลาย กลุ่มตัวอย่างมองว่าเพราะการให้ความรู้การแยกขยะแก่ประชาชนยังไม่เพียงพอ

Voice of Green

อันดับ 4 “น้ำ” (4.44%) กลุ่มตัวอย่างมองว่าการประหยัดน้ำเป็นสิ่งที่ดี ทั้งในเชิงประหยัดทรัพยากรโลก และต้นทุน

Voice of Green

อันดับ 5 “ไฟฟ้า” (4.32%) กลุ่มตัวอย่างมองว่าการประหยัดไฟฟ้า เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม และช่วยต้นทุน

อันดับ 6 “การใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Eco Brand (3.13%)    

Voice of Green

Voice of Green

 

ขณะที่การลงมือทำเพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม พบว่าสิ่งที่กลุ่มตัวอย่างลงมือทำมากสุด คือประหยัดไฟ” (4.30%) เพราะสามารถทำได้ง่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งยังช่วยประหยัดค่าไฟที่ต้องจ่าย

Voice of Green

อันดับ 2 “พลาสติก” (4.29) เพราะผู้บริโภคต้องการลดปริมาณขยะ

Voice of Green

อันดับ 3 ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อส่ิงแวดล้อม” (4.19) ต่างจากการสำรวจความคิดข้างต้น ที่การใช้ผลิตภัณฑ์ Eco Product อยู่อันดับท้าย แสดงให้เห็นว่าในทางการปฏิบัติจริงที่ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกซื้อสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

Voice of Green

อันดับ 4 “การใช้ซ้ำ – นำกลับมาใช้ใหม่” (4.18%)

Voice of Green

อันดับ 5 “ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” (4.11%)

อันดับ 6 “ใช้พลังงานสะอาด” (3.99%) เช่น รถยนต์ไฟฟ้า, เดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ สาเหตุที่การใช้พลังงานสะอาด เป็นส่ิงที่ผู้บริโภคไทยลงมือทำน้อยสุด เพราะปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ยังมีราคาสูง และระบบขนส่งสาธารณะของไทย ยังไม่ตอบโจทย์ความสะดวกแก่ประชาชน 

Voice of Green

Voice of Green

 

รู้จัก 4 ตัวตนผู้บริโภคสายกรีน 

จากกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้บริโภคสายกรีน 4 ประเภทหลัก คือ 

1. สายกรีนตัวแม่ จำนวน 37.6% 

ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความตั้งใจทำทุกอย่าง และยินดีจ่ายแพงขึ้นเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม 

Voice of Green

2. สายกรีนตามกระแส จำนวน 20.8% 

เป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมตามกระแสการใช้สินค้าอีโค่ แต่ยังขาดทัศนคติในด้านความต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นในระยะยาว 

Voice of Green

3. สายสะดวกกรีน จำนวน 15.7% 

ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความเข้าใจเรื่องความจำเป็นในการปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีพฤติกรรมที่เคยชินกับการบริโภคแบบเดิมๆ และยังไม่มีความกระตือรือร้นในการปรับเปลี่ยน 

Voice of Green

4. สายโนกรีน จำนวน 26.0% 

ไม่ได้หมายความว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม หรือลงมือที่จะช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม แต่เนื่องด้วยความที่ยังไม่พร้อมใช้จ่ายเพื่อสิ่งแวดล้อม และยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เพราะมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก

ข้อมูลสถิติดังกล่าว สะท้อนได้ว่าคนไทยเป็นสายกรีนตัวแม่มากที่สุด 

Voice of Green

Voice of Green

เมื่อรวมผู้บริโภค 3 สายกรี คือ สายกรีนตัวแม่, สายกรีนตามกระแส,​ สายสะดวกกรีน คิดเป็นสัดส่วน 74.1% 

แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม และถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มปรับเปลี่ยนทัศนคติ และพฤติกรรมเพื่อการบริโภคโลกสวยได้ ซึ่งเป็นโอกาสของนักการตลาดที่จะสร้างสรรค์สินค้า บริการ และแคมเปญ เพื่อเข้าถึงความต้องการดังกล่าว

อย่างไรก็ตามยังคงมีอีก 41.7% (สายโนกรีน และสายสะดวกกรีน)​ ที่ลงมือทำด้านสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งคราว ดังนั้นเป็นโอกาสของแบรนด์ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มนี้ 

 

ผู้บริโภค “Baby Boomer” มีแนวโน้มเป็นสานกรีนตัวแม่สูงสุด

ผลวิจัยยังระบุอีกว่า ผู้บริโภคที่อายุมาก โดยเฉพาะคนกลุ่ม Baby boomer (อายุ 55 – 73 ปี) มีแนวโน้มเป็นสายกรีนตัวแม่สูงสุด 

ตามมาด้วยผู้บริโภคกลุ่ม Gen X (อายุ 39-54 ปี) Gen Y (อายุ 23-38 ปี) และ Gen Z (อายุต่ำกว่า 23 ปี) ตามลำดับ 

เนื่องจากยิ่งผู้บริโภคที่มีอายุมาก จะยิ่งมีความพร้อมทางด้านรายได้ และมีความตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

Voice of Green

 

ผู้บริโภคมององค์กรธุรกิจมีนโยบายกิจกรรมเพื่อส่ิงแวดล้อม ทำตามกระแส! 

ผู้บริโภคมององค์กรธุรกิจมีนโยบายสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่ทำตามกระแส เพื่อภาพลักษณ์!

ผลสำรวจวิจัยครั้งนี้ ยังได้สอบถามมุมมองผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อองค์กรธุรกิจที่มีนโยบายด้านส่ิงแวดล้อม พบว่า

  • 79% มองว่าองค์กรส่วนใหญ่ทำตามกระแส และเพื่อทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี

  • 18% มองว่าทำเพื่อเพิ่มกำไร และลดต้นทุน เช่น แคมเปญลดถุงพลาสติก ผู้บริโภคมองว่าองค์กรธุรกิจลดต้นทุน ขณะเดียวกันได้กำไรจากการขายถุงผ้า

  • 3% มองว่าองค์กรธุรกิจทำตามนโยบายภาครัฐ 

มื่อผู้บริโภคสะท้อนมุมมองเช่นนี้แล้ว ดังนั้นในการขับเคลื่อนนโยบาย และกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมขององค์กรธุรกิจต่างๆ ควรทำด้วยความจริงใจและผุ้บริโภคพร้อมเปลี่ยนแน่นอน! 

Voice of Green

 

Voice of Green

Voice of Green

ขณะที่แนวโน้มการเปลี่นแปลงทัศนคติ และพฤติกรรม พบว่า 

  • 61% คิดอยากจะทำ

  • 10% เริ่มทำบ้าง บางเรื่อง

  • 16% ทำเกือบทุกเรื่อง มีพฤติกรรม 

  • 13% ทำจนเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน

Voice of Green

 

กลยุทธ์ “ENVI” กระตุ้นให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เอ็นไว” (ENVI Strategy) ประกอบด้วย 

1. ปลูกฝังจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ (E : Early) 

สำหรับผู้บริโภคกลุ่มในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ภาครัฐ และองค์กรธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับการปลูกฝังเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ 

2. ปัญหาสิ่งแวดล้อมควรแก้ไขทันที (N : Now or Never) 

เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้บริโภคที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อย นักการตลาดจึงควรให้ความสำคัญกับการสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ 

3. สื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง (V : Viral)   

นักการตลาดควรใช้โซเชียลมีเดียเพื่อการสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างทั่วถึง และแพร่หลาย (viral) 

4. ใช้นวัตกรรมในการผลิตเพื่อสิ่งแวดล้อม (I : Innovative) 

การดึงนวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน อาทิ การใช้วัตถุดิบสำหรับอิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติอนุรักษ์มากขึ้น การใช้ระบบดิจิทัลในการผลิต เป็นต้น

Voice of Green

 

จับตา 4 เทรนด์ธุรกิจรักษ์โลกมาแรง 

ผลการวิจัยยังระบุอีกว่า “องค์กรธุรกิจ” เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคจับตามองมากขึ้น องค์กรที่ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงใจ มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคในปี 2563 ประกอบด้วยธุรกิจที่มีสินค้า หรือบริการต่อไปนี้

สินค้าที่ใช้วัตถุดิบย่อยสลายง่ายและกลับมาใช้ซำ้ เช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพแบรนด์ Moreloop ที่นำเศษผ้าที่เหลือจากการตัดมารวมกัน และนำเศษเหล่านั้นมาตัดเป็นเสื้อผ้าใหม่เพื่อลดขยะ

Voice of Green

สินค้าหรือบริการที่ใช้พลังงานสะอาด เช่น ธุรกิจศูนย์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจร้าน Refill Store เติมเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น เป็นต้น

Voice of Green

สินค้าหรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไบโอ และธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนพืชให้มีรสชาติเหมือนเนื้อสัตว์ เป็นต้น

Voice of Green

สินค้า Eco มีดีไซน์ตอบสนองคนรุ่นใหม่ เช่น กระเป๋าผ้าใบดีไซน์สุดติสต์ยี่ห้อ Freitag และแพคเกจจิ้งอาหารกินได้ เป็นต้น

Voice of Green


  • 1.4K
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ