สวัสดีปีใหม่ 2562 ปีหมูที่หลายคนยังคงอยากให้เป็น “หมูทอง” เหมือนเมื่อหลายปีก่อนหน้านั้น หลายคนย้อนกลับไปดูอดีตเพื่อมองไปสู่อนาคต หลายคนเล็งคาดการณ์เพื่อเตรียมตัวกับปี 2562 หลายคนที่เริ่มมีความหวังว่าจะเกิดการเลือกตั้งนำพาประเทศสู่ความเจริญ หลายคนที่เริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยปี 2562 จะรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลย์เหมือนปีก่อนๆ หน้านั้น แต่เท่าที่ดูเหมือนจะ “ไม่” แต่บางธุรกิจอาจจะ “ใช่”
งานนี้บอกได้เลยว่าปี 2562 จะกลายเป็นอีกปีที่ทุกคนต้องวางแผนเตรียมตัวรับมือกันอย่างดี ด้วยเหตุผลจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยภายนอกประเทศที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงมาสู่ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สงครามการค้า (Trade War) ที่เป็นปัจจัยใหญ่สุดในการฉุดรั้งเศรษฐกิจของไทยและของโลกทั้งใบ
เมื่อปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
ปัญหาจีน-สหรัฐฯ จึงต้องมีผลกระทบกับไทย
หากมองดูกันอย่างลึกซึ้งแล้วจะเห็นว่า สงครามการค้า (Trade War) มันคือการหาทางออกของมหาอำนาจทั้งสองชาติอย่างจีนและสหรัฐฯ ในการขยายตลาดออกต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน เรียกได้ว่าประเทศจีนแค่ประเทศเดียวถือเป็นตลาดใหญ่เกือบ 1 ใน 3 ของโลก เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและมากขึ้น ส่งผลให้จีนต้องขยายการค้าออกสู่ต่างประเทศเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของจีนล่มสลาย
ขณะที่สหรัฐฯ เองก็จำเป็นต้องขยายการค้าของตัวเองออกสู่ต่างประเทศเพื่อแก้วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ให้กลับมาฟื้นตัวและยังคงชาติมหาอำนาจที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก ประกอบกับสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สินค้าของจีนมีราคาถูกลงมากและส่งผลให้ดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลง สหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการด้านภาษีนำเข้าขึ้นมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าของจีนทะลักเข้ามาสู่ตลาดสหรัฐฯ มากเกินไป
เมื่อจีนถูกตัดโอกาสทางการค้าในสหรัฐฯ ด้วยมาตรการด้านภาษีนำเข้า จีนจึงตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ เช่นกัน ซึ่งการทำสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกผันผวนอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายทางการค้าของทั้ง 2 มหาอำนาจ ประกอบกับปัญหาที่ประเทศอังกฤษเพราะออกจากกลุ่มสหภาพยุโรปที่เรารู้จักในชื่อ Brexit ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจในกลุ่ม EU มีความผันผวนเช่นกัน
และนั่นจึงส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกโดยตรงของไทย ซึ่งการส่งออกถือเป็นอุตสาหกรรมหลัก 1 ใน 2 อุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล โดยอีกหนึ่งอุตสาหกรรมคืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง แม้จะเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน
ดอกเบี้ยมีแววสูงขึ้นเมื่อ Fed ปรับดอกเบี้ย
ดอกเบี้ยไทยขานรับปรับขึ้นมีสิทธิ์แตะ 2.00%
ผลพวงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออกของไทยราว 3.1 พันล้านดอลลาร์ฯแต่ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่สาแก่ใจเมื่อศูนย์วิจัยกสิกรฯ ยังคาดการณ์ต่อเนื่องถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (Fed) มีโอกาสปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดการลงทุนและค่าเงินดอลลาร์
และเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาแสวงหาผลกำไรในประเทศไทย อันเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกับเฟด (Fed) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยจากเดิมอยู่ที่ 1.50% ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 1.75% และศูนย์วิจัยกสิกรฯยังคาดการณ์ต่อไปอีกว่าในปี 2562 เฟด (Fed) มีโอกาสที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกอย่างน้อย 1-2 ครั้ง
และนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้นอีกอย่างน้อย 1-2ครั้งในปี 2562 นี้ตามการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของเฟด (Fed) แต่การปรับอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยตามการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงหลังการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก แน่นอนว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยของ กนง.จะส่งผลกระทบต่อผู้กู้สินเชื่อระยะยาวอย่างเช่น สินเชื่อ SME และสินเชื่อบ้าน
กฎหมายใหม่ปรับอัตราเงินดาวน์ซื้อบ้าน
สบายใจบ้านหลังแรกไม่ได้รับผลกระทบ
นอกจากเรื่องของการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงค์ชาติ ยังได้ออกกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปและบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีรายได้สูงและเป็นกลุ่มที่นิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ไม่มีผลกระทบกับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลังแรกในราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ด้าน DDproperty ผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์บนระบบออนไลน์ เปิดเผยรายงาน Property Market Outlook 2019 โดยในรายงานระบุถึงการคาดการณ์สภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ว่าตลาดอสังหาฯ จะยังมีความคึกคัก เนื่องจากมีการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ก่อนที่ระเบียบกฎเกณฑ์สินเชื่อบ้านใหม่ที่ออกโดยแบงค์ชาติจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป
โดยระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ที่ผ่อนบ้านพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไปรวมไปถึงผู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ระบไว้ว่า หากซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท และผ่อนชำระหลังแรกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจะต้องวางเงินดาวน์ 10% สำหรับบ้านหลังที่ 2 แต่หากผ่อนชำระบ้านหลังแรกยังไม่ถึง 3 ปี และต้องการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ที่ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องวางเงินดาวน์ 20% สำหรับบ้านหลังที่ 2 ในกรณ๊ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไปจะต้องวางเงินดาวน์ 30% ไม่ว่าบ้านจะมีมูลค่าเท่าใดก็ตาม
เลือกตั้ง 62 ชี้ชะตาเศรษฐกิจไทย
เดินหน้าต่อไปหรือชะงักชักหน้าไม่ถึงหลัง
ในเรื่องเลวร้ายก็ยังพอจะมีเรื่องดีกับเขาบ้าง เมื่อศูนย์วิจัยกสิกรและหน่วยงานวิจัยกรุงศรีมองเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การเลือกตั้งในปี 2562 ของไทยจะเป็นโอกาสในการกระตุ้นเศรษบกิจของไทย โดยเฉพาะการได้รัฐบาลใหม่เข้ามาจะช่วยให้การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินงานในโครงการเมกะโปรเจ็คหลายโครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินจากงบประมาณจะกระจายลงสู่เอกชนที่ดำเนินงานให้กับภาครัฐ
โดยคาดว่าจะมีงบประมาณจำนวนมากมายที่จะกระจายไปสู่เอกชนในการดำเนินโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศไทย และคาดการณ์กันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างเรียบร้อยและราบรื่น เมื่อมองในกรณีที่ไม่เป็นไปตามที่คาด จะกลายเป็นสาเหตุที่ฉุดรั้งเศรษบกิจของไทย ยิ่งเมื่อเกิดผลกระทบจากภายนอกอันเป็นผลมาจากสงครามการค้า (Trade War) จะยิ่งฉุดรั้งสภาพเศรษฐกิจของไทยลงอย่างมาก
อุตสาหกรรมดาวเด่นรุ่งโรจน์ปี 62
ภาครัฐ โรงพยาบาล e-Commerce
นอกจากเรื่องการเลือกตั้งแล้วที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีของเศรษฐกิจแล้ว ยังมีการคาดการณ์ถึงธุรกิจที่จะกลายเป็นดาวเด่นในปี 2562 โดยเฉพาะ 3 ธุรกิจที่อาจเรียกได้ว่าโตสวนกระแส ธุรกิจแรกเป็นธุรกิจงานด้านการก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าการเลือกตั้งในปี 2562 จะช่วยให้รัฐบาลใหม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินโครงการเมกะโปรเจ็ค
ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่จะกลายเป็นดาวรุ่งในปีนี้ เนื่องจากกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะในกลุ่มอาหรับ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูงและยังมีความไว้ใจในประเทศไทย ประกอบกับเทคโนโลยีการแพทย์ของไทยศักยภาพในระดับสากล รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่าการไปรักษาตัวในยุโรปหรือสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้มองหาการรักษาทางการแพทย์ที่มีทันสมัย
และธุรกิจ e-Commerce ที่ในปี 2561 ที่ผ่านมา หลายคนเรียนรู้การซื้อขายผ่านระบบ e-Commerce และเข้าใจในระบบรวมถึงไว้ใจกับการซื้อขายมากขึ้น อีกทั้งธุรกิจธนาคารต่างออกบริการที่เอื้อต่อการซื้อขายผ่าน e-Commerce แม้จะมีการเตรียมออกกฎหมายภาษีธุรกิจออนไลน์ แต่ด้วยจำนวน (Volume) ในการซื้อขายมีจำนวนมาก ทั้งศูนย์วิจัยกสิกรและหน่วยงานวิจัยกรุงศรีจึงคาดการณ์ว่ากฎหมายดังกล่าวไม่น่าจะกระทบต่อรายได้มากมายเท่าไหร่นัก
อุตสาหกรรมดาวร่วงโรยปี 62
อสังหาฯ รถยนต์ การเกษตร
เมื่อมีแสงสว่างก็ย่อมต้องมีด้านมืด ธุรกิจที่รุ่งโรจน์ก็ต้องมีธุรกิจที่ร่วงโรย แน่นอนว่าผลกระทบทั้งหลายทั้งจากปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้า (Trade War) และปัจจัยภายในอย่างการปรับอัตราดอกเบี้ย หลีกหนีไม่พ้นที่ธุรกิจจะต้องได้รับผลกระทบ โดยศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกการณ์ว่า กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ อันเนื่องมาจากการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และการออกระเบียบกฎเกณฑ์ใหม่ แต่ก็อาจไม่กระทบอะไรมากมาย เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ส่วนใหญ่ยังไม่มีการก่อสร้างใหม่ แต่จะเน้นขายอสังหาฯ ที่มีอยู่ในมือเป็นหลัก
ธุรกิจรถยนต์อาจจะเป็นหนึ่งในธุรกิจร่วงโรย เนื่องจากศูนย์วิจัยกสิกรฯ มองว่าในปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ถือเป็นช่วงที่มีการปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูงหลังจากสภาพตลาดตกต่ำมาตั้งแต่ช่วงโครงการ“รถยนต์คันแรก” โดยในปี 2561 เป็นปีที่รถยนต์คันแรกถึงรอบในการเปลี่ยนรุ่นใหม่ ทำให้มีอัตราเติบโตเพิ่มสูงขึ้น แต่ในปี 2562 ตลาดรถยนต์น่าจะเริ่มปรับตัวลดลง แม้จะมีการพูดถึงยานยนต์ไฟฟ้า แต่ด้วยราคาที่ยังสูงอยู่จึงไม่น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้
อีกหนึ่งธุรกิจที่อาจจะกลายเป็นดาวโรยคือกลุ่มธุรกิจการเกษตร ซึ่งปัญหาเดียวของกลุ่มการเกษตรคือการผลิตสินค้าออกมาเกินความต้องการของตลาด (Oversupply) นอกจากนี้ประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ก็มีการผลิตสินค้าการเกษตรที่ใกล้เคียงกับไทยออกสู่ตลาดเช่นกัน ส่งผลให้ราคาสินค้าการเกษตรมีราคาถูกลง เมื่อกลุ่มเกษตรกรมีรายได้ลดลงจึงเป็นผลต่อเนื่องไปยังธุรกิจยานยนต์ที่ทั้ง 2 ธุรกิจมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน
ทั้งหมดนี้คือการคาดการณ์เศรษบกิจไทยในปี 2562 นี้ ซึ่งเป็นการคาดการณ์โดยตั้งอยู่บนสมมุติฐานที่เกิดขึ้นจริง ของทั้งศูนย์วิจัยกสิกรฯ และหน่วยงานวิจัยกรุงศรี ปีนี้จึงอาจเรียกได้ว่า แม้จะเป็นปีหมูแต่ก็เป็นหมูเขี้ยวตันที่ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ ต้องแอคชั่นกันมากหน่อย โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่กำลังรุกไปในหลายๆ ธุรกิจ ไหนจะเรื่องปัญหาภายนอกประเทศที่ลูกพี่ใหญ่ทั้ง 2 เล่นสงครามกันแบบไม่สนใจใคร ไหนจะเรื่องการเลือกตั้งที่หลายฝ่ายต่างประคับประคองให้สามารถผ่านไปได้ด้วยดี
ปีนี้ใครคิดจะทำอะไรก็ต้องวางแผนให้ดีๆ รัดกุมเข้าไว้
เพราะปีนี้น่าจะสาหัสสากรรจ์เอาการอยู่!!!