ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ในปีนี้พูดถึงเทคโนโลยี แต่ทั่วโลกก็พูดถึงเทคโนโลยีกับการนำมาใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้บริโภคเช่นกัน โดยเฉพาะประเด็นของ Fintech (ฟินเทค) แต่ประเทศใดที่ประสบความสำเร็จและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ…?
บริษัท เซเรซัส ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูล ได้เปิดเผยรายงานดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทค (FinTech Competitiveness Index Report) ฉบับแรกในเอเชีย ซึ่งได้นำเสนอบลูพริ้นท์การพัฒนาฟินเทคโดยการเปรียบเทียบ 10 ประเทศในเอเชีย โดยมีข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
Fintech ไทยแข่งขันได้ อยู่อันดับ 7 จาก 10 ประเทศ
ขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทคในประเทศไทยอยู่อันดับที่ 7 จาก 10 ประเทศที่มีการสำรวจ และเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศมาเลเซีย ในฐานะกลุ่มประเทศที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ
สร้าง Customer Experience กลยุทธ์สำคัญ
มีคำแนะนำให้ประเทศไทยปรับปรุงยุทธศาสตร์การสร้างประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) เชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างรายได้จากคุณค่าของการรวมบริการด้านการธนาคารดิจิทัลและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ขณะเดียวกัน การติดตั้งระบบบริหารจัดการที่ใช้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของสภาพแวดล้อมทางการเงินในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ประเทศไทยก้าวข้ามและเอาชนะคู่แข่งในการแข่งขันได้
สิงค์โปรเบอร์ 1 Fintech ของภูมิภาค
รายงานฉบับดังกล่าวยังมีข้อมูลบ่งชี้ว่า…สิงคโปร์เป็นผู้นำด้านฟินเทคในภูมิภาค ตามด้วยฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการดึงข้อมูลจากเว็บเพจส่วนที่ต้องการมาเรียกใช้งาน (Web Scrapping) และแบบจำลองทางสถิติ (Statistical Modeling) นอกจากปัจจัยเอื้อเรื่องสภาพแวดล้อมในการลงทุนธุรกิจที่มีเสถียรภาพ สิงคโปร์ยังมีความโดดเด่นด้านบุคลากรซึ่งมีความเชี่ยวชาญและก้าวหน้าด้านกฎระเบียบ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้คะแนนสูงในด้านความก้าวหน้าของกฎเกณฑ์ อันเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างประเทศ การริเริ่ม Sandbox และการส่งเสริมให้ใช้ API แบบเปิดกว้าง
“เศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ถือเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาฟินเทคของประเทศไทย ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับการริเริ่มฟินเทค คือ ทำให้มูลค่าข้อมูลเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลธุรกรรมไปจนถึงพฤติกรรมการบริโภค” นายจอย ลิน ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เซเรซัส แสดงมุมมองต่อประเด็นดังกล่าว
รายงานดัชนีขีดความสามารถในการแข่งขันของฟินเทคในกลุ่มประเทศเอเชีย ใช้วิธีการวิจัยเชิงประจักษ์และวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยแบ่งเป็น 8 ปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาฟินเทค ได้แก่ ปัจจัยทางการเมือง เสถียรภาพในการลงทุน แรงดึงดูดใจทางการเงิน บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ ความก้าวหน้าด้านกฎเกณฑ์ โครงสร้างผู้บริโภคและตลาด สภาพแวดล้อมของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ.