วันนี้เรามีชาร์ตสนุกๆดูง่ายจาก Visual Capitalists มานำเสนอ อธิบายถึงที่มาของรายได้ของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ Alphabet และ Facebook ในปีที่ผ่านมา ว่าทั้งสองบริษัทมีรายได้เข้ามาจากช่องทางใดบ้าง
เริ่มที่ Alphabet บริษัทโฮลดิ้ง (บริษัทที่ไม่มีธุรกิจหลักเป็นของตัวเอง แต่ถือหุ้นจากบริษัทอื่นๆ) Google เป็นหนึ่งในหลายยูนิตที่อยู่ใน Alphabet เช่นเดียวกับ YouTube และอีกหลายบริษัทที่ทำรายได้ให้ Alphabet
สำหรับรายได้รวมในปี 2016 นั้นอยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นล้านเหรียญ (2.98 ล้านล้านบาท) หักแล้วได้กำไรสุทธิ 1.9 หมื่นล้านเหรียญ (6.3 แสนล้านบาท) ส่วน Market Cap* หรือมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 6.51 แสนล้านเหรียญ
88% ของรายได้รวมมาจากการโฆษณาผ่านทาง Google Adwords บนเว็บไซต์ Google และอีกช่องทางหนึ่งคือ YouTube ถัดมาอีก 11% นั้นเป็นรายได้ที่มาจากแอปต่างๆใน GooglePlay, Pixel ที่เพิ่งมีฮาร์ดแวร์เจ๋งๆออกมาให้ยลโฉม และสุดท้ายคือแอนดรอยด์ ส่วน 1% สุดท้ายนั้นมากจาก ‘Other Bets’ ยูนิตย่อยๆที่รวมเป็นหน่วยธุรกิจเดียวของ Alphabet นอกเหนือจากบริษัทที่กล่าวมาข้างต้น เป็นส่วนที่ไม่ทำกำไรให้บริษัทเท่าไรนัก อันที่จริงบริษัทสูญเงินกับการพัฒนาส่วนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่ายูนิตย่อยๆเหล่านี้จะมีส่วนช่วยพัฒนาองค์กรได้เป็นอย่างดีในอนาคต ดังนั้นในระยะเริ่มต้น Alphabet ยังคงทุ่มเงินไปกับ Other Bets โดยยังไม่หวังกำไร แต่ล่าสุด Other Bet ก็เพิ่งโดนตัดงบไปหลังจากการขึ้นมาของ CFO คนใหม่ Ruth Porat หัวหน้าฝ่ายการเงินที่ขึ้นมาพร้อมภารกิจคุมวินัยการเงินให้ Alphabet โดยเฉพาะ
*Market Capital คือมูลค่าของบริษัทที่คำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมด คูณกับราคาหุ้นของวันนั้น นั่นหมายถึง Market Cap ของแต่ละวันจะมีมูลค่าขึ้นลงไม่เท่ากัน
Facebook ต่อกันที่แพลตฟอร์มโซเชียลเบอร์ 1 ของโลกกันบ้าง ปีที่ผ่านมา 97% ของรายได้ Facebook นั้นมาจากโฆษณา อีก 3% มาจากส่วนอื่นๆ เรียกได้ว่าเกือบทั้งหมดของรายได้มาจากการให้บริการโฆษณา Facebook Ads ตัวเลขรายได้ในปีที่ผ่านมาของ Fcebook อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านเหรียญ (9.29 แสนล้านบาท) หักแล้วได้กำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านเหรียญ (3.32 แสนล้านบาท) ส่วน Market Cap* หรือมูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 434 แสนล้านเหรียญ
*Market Capital คือมูลค่าของบริษัทที่คำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมด คูณกับราคาหุ้นของวันนั้น นั่นหมายถึง Market Cap ของแต่ละวันจะมีมูลค่าขึ้นลงไม่เท่ากัน
Alphabet & Facebook
หากเปรียบเทียบดูแล้วจะเห็นชัดว่าท่อน้ำเลี้ยงหลักของทั้งคู่นั้นมาจากการโฆษณา โดยเฉพาะ Facebook ที่แทบจะเป็นช่องทางเดียวก็ว่าได้ ในขณะที่เม็ดเงินในสื่อโฆษณาอื่น (traditional media) หดเล็กลง รายได้ส่วนนี้ของทั้งสองบริษัทกลับโตขึ้นทุกปี ชี้ชัดให้เห็นถึงการเติบโตของโฆษณาบนสื่อดิจิทัล ไม่ใช่แค่ Alphabet กับ Facebook นะคะ อย่าง Baidu เว็บเสิร์ชเอ็นจิ้นยักษ์ใหญ่ในจีนก็กำลังเติบโตตามเส้นทางนี้เช่นกัน แม้ว่าจะมีกฎหมายควบคุมโฆษณาเกิดขึ้นที่จีนในปีที่ผ่านมา แต่ Baidu ก็ยังคงเป็นบริษัทมีเดียอันดับ 3 ของโลกอยู่ดี คาดการณ์ว่าในปีหน้า Facebook จะทำรายได้จากโฆษณาได้อีกมาก สอดคล้องไปกับการเติบโตของ e-commerce แล้วตัวโฆษณาของ Facebook เองก็ออกแบบมาให้ user ซื้อกันได้ง่ายมาก เพียงแค่มีบัตรเครดิต กับบัญชีเพจ คุณก็สามารถซื้อโฆษณาได้แล้วแถมมี tools ให้เลือกใช้เต็มไปหมด ไว้โอกาสหน้าจะเอาชาร์ตสนุกๆ ดูง่ายมาเล่าสู่กันฟังอีกนะคะ