ในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของเรา ตั้งแต่ตื่นลุกขึ้นจากเตียงจนถึงเอนหลังลงนอน ซึ่งแน่นอนว่าการใช้สมาร์ทโฟนของทุกคนมันกลายเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมชาติไปแล้ว แต่จริงๆ แล้วเราได้ทำพฤติกรรมทางสังคมออกมาแย่ๆ โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เพราะพฤติกรรมทางสังคมเหล่านั้นมันกลายเป็นเรื่องปกติของสังคมในยุคดิจิตอลไปแล้ว เราจะมาดูกันว่า 7 พฤติกรรมทางสังคมที่เรียกว่าไม่ควรทำ แต่เป็นเรื่องปกติไปแล้วมีอะไรบ้าง แล้วมาลองสำรวจกันว่าเราเป็นกันในแบบไหน
เสี่ยงความตายในระหว่างการเดินทาง
ในระหว่างการเดินทางแน่นอนว่า หลายๆ คนต้องหยิบสมาร์ทโฟนมาไม่เล่นเกมก็เช็คสังคมออนไลน์ที่เราใช้งานกันอยู่ จนลืมไปแล้วว่ายานพาหนะที่เราโดยสารอยู่เคลื่อนที่ ซึ่งหากเกิดการเบรคแรงเบรคก็คงพาเราไปกระแทกเบากับคนอื่นๆ ซึ่งจริงๆ แล้วการเดินทางเราควรจะใส่ใจกับมันมากกว่าสมาร์ทโฟน แต่นี่แค่เรื่องเล็กๆ ที่ยังพอให้อภัยกันได้ แต่การเดินไปใช้สมาร์ทโฟนไปนี่ซิ โดยเฉพาะการเล่นเกมโปเกมอนที่กลายเป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นคนเดินเล่นโปเกมอนหลายคนก็มักจะหลบให้เพราะรู้อยู๋แล้วไม่มองทางแน่ๆ แต่ที่อันตรายและน่าเป็นห่วงเพราะบางครั้งที่ต้องข้ามถนนหรือซอยเล็กๆ อาจเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ซึ่งมีให้เห็นมากมายในต่างประเทศ
โทรผิดแถมยังจะชวนคุยอีก
อันนี้ต้องบอกว่าเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ เพราะในต่างประเทศถ้ามีการโทรผิดเบอร์หรือส่งข้อความมาผิดจะมีพูดคุยต่อเนื่องจนบางครั้งเป็นการเปิดช่องทางให้มิจฉาชีพล้วงข้อมูลสำคัญไป โดยจากการสำรวจของ O2 พบว่ามากกว่า 10% พบรักด้วยวิธีแบบนี้ แต่สำหรับคนไทยอาจจะไม่เคยเจอในลักษณะนี้ แต่ที่เจอบ่อยสุดก็คือการโทรมาขายของ ทั้งที่ไม่เคยให้เบอร์ไปดันโทรมาถูกคนแถมตื้อไม่เลิกอีกตะหาก แต่เราก็ชินไปกับมันซะแล้ว
ถึงบ้านท่านอย่านิ่งดูดาย รีบส่งรหัส Wi-Fi มาเร็วซิเพื่อน
จากพฤติกรรมที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นชีวิตประจำวันจนทำให้ทุกวันนี้เราอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “เสพติดอินเตอร์เน็ต” เพราะเมื่อไหร่ที่อินเตอร์เน็ตไม่มีสัญญาณหรือสัญญาณรับส่งช้า หลายคนจะเกิดอาการหงุดหงิด ยิ่งถ้าไปเที่ยวบ้านเพื่อนหรือบ้านญาติแล้ว ถ้าได้รู้ว่าที่บ้านนั้นมีระบบอินเตอร์เน็ต Wi-Fi รับรองได้เลย รหัส Wi-Fi จะต้องถูกขออย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเชื่อมต่อกับ Notebook, Tablet หรือ Smartphone มันคือการขอให้เราสามารถเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ตภายในบ้านเขาเลยนะนั่น และถ้าเจ้าของบ้านไม่ให้ก็ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น
สักครู่นะขอเช็คมือถือก่อน สั่นไม่เลิกเลย
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกเอ่ยถึงในเรื่องของมารยาทการใช้สมาร์ทโฟนอยู่บ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนคงเป็น เพราะเวลาที่เราอยู่กับเพื่อ ทานข้าวกับครอบครัวหรือแม้แต่ตอนประชุมงานที่ออฟฟิศ ถึงแม้ว่าเราจะรักษามารยาทด้วยการปิดเสียง แต่เชื่อเถอะว่าระบบสั่นยังคงทำงานอยู่ และทุกครั้งที่เครื่องสั่นมือและสายตาก็จะไปจดจ่อที่สมาร์ทโฟน พร้อมกับคิดว่าใครส่งอะไรมา? ข้อความใครที่เข้ามา? เป็นต้น และจบลงตรงที่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูกลางวงสนทนา แต่สำหรับในประเทศไทยแล้วเราเห็นชินตาก็คือสังคมก้มหน้า ขนาดนั่งกันอยู่ข้างๆ แท้ๆ ยังจะต้องส่งข้อความมาคุยกันอีก
เห็นรูปลั๊กเป็นไม่ได้ ถ้าว่างเมื่อไหร่ขอเสียบหน่อยนะ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งภาพที่ชินตาจนกลายเป็นเรื่องปกติออกจะดูล้วขำด้วยซ้ำไป เพราะไม่ว่าจะที่สาธารณะ พื้นที่ส่วนตัวหรือสถานที่ที่ไปถึง ถ้าเมื่อไหร่ที่มีปลั๊กไฟว่างๆ ไม่มีการใช้งานจะต้องเข้ามาขอเสียบปล๊กเพื่อชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนเป็นทุกที ทั้งที่บางทีแบตเตอรี่เหลือตั้ง 70% โดยส่วนตัวแล้วมักจะเห็นตามเสาที่สนามบินบ่อยมาก เรียกว่าแทบจะมีทุกรุ่นที่มาขอเสียบปลั๊กไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ตั้งแต่รุ่นยอดนิยมระดับท้อปไปถึงตัวเล็กราคาถูกสุดก็มี
ชวนปิดมือถือระหว่างดูหนัง แต่เห็นใช้ตลอด
อันนี้ถือเป็นพฤติกรรมแย่ๆ ที่ไม่ค่อยชินเท่าไหร่นัก แต่สำหรับในต่างประเทศการใช้สมาร์ทโฟนในโรงภาพยนตร์ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ต้องใช้การคุยแต่ใช้การพิมพ์ แต่สำหรับในเมืองไทยถือเป็นพฤติกรรมแย่ๆ ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นแถวที่นั่งบนสุดก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาคงเล่นได้ไม่กวนสายตาแต่ระวังเจ้าหน้าที่ยึดสมาร์ทโฟนเอาไปนะ เขากลัวแอบถ่ายมากกว่ากลัวเล่นสมาร์ทโฟนในโรงภาพยนตร์
งานรัดตัว เข้าองน้ำยังต้องใช้สมาร์ทโฟนเลย
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ แต่ก็เป็นเรื่องปกติถ้าใครจะทำ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำและก็ยังเล่นสมาร์ทโฟน ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรจะสนใจกับการเข้าห้องน้ำดีกว่าไหม? อย่างน้อยที่สุดหากเป็นห้องน้ำสาธารณะจะได้เผื่อแผ่แบ่งปันให้คนอื่นได้ใช้บ้าง ซึ่งบางคนอาจมีธุระจำเป็นแบบด่วนๆ ที่ต้องรีบใช้ห้องน้ำก็เป็นได้ ที่สำคัญยังเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับสมาร์ทโฟนของเราด้วย เพราะถ้าตกลงไปใน…….เครื่องอาจจะเสียหายได้ หรือหากจะบอกว่าเป็นรุ่นกันน้ำได้ก็แสดงความยินดีด้วย เพราะคุณจะได้เก็บขึ้นมาใช้งานต่อ