เมื่อโลกออนไลน์เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ แน่นอนว่าภาคธุรกิจเองก็ต้องหันลงมาจับกระแสของโลกออนไลน์ด้วย การซื้อขายผ่านระบบออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการผลักสินค้าออกไปให้ผู้บริโภคได้เห็นและรับรู้ ที่สำคัญยังช่วยให้การขายง่ายสะดวกสบายทั้งกับผู้ซื้อและผู้ขาย
แต่ไม่ใช่ว่าการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์มันจะง่ายไปทั้งหมด เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้การขายของในระบบออนไลน์เจ๊งไม่เป็นท่าเหมือนกัน เราจะพาไปดูว่า 10 เคล็ดวิชาที่จะทำให้ขายในระบบออนไลน์เป็นเรื่องง่าย
1. รูปภาพต้องชัดและรายละเอียดสินค้าต้องครบถ้วน
อุปสรรคใหญ่สุดของการขายสินค้าในระบบออนไลน์คือ การไม่ได้เห็นสินค้าด้วยตา ไม่ได้สัมผัสสินค้าด้วยตัวเอง นั่นทำให้ผู้ซื้อเกิดความระแวงว่าสินค้าจะเป็นแบบที่ต้องการหรือไม่ นั่นจึงทำให้ผู้ขายจำเป็นต้องแสดงข้อมูลทุกอย่างของสินค้าให้ซื้อได้รับทราบอย่างละเอียดที่สุด โดยเฉพาะรูปภาพที่ควรจะต้องชัดมากๆ ไว้ก่อน และยิ่งถ้าได้เห็นทุกมองมองเสมือนว่าผู้ซื้อหยิบขึ้นมาดูเองก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ
2. ข้อมูลผู้ขายต้องชัดเจน
ต้องเข้าใจก่อนว่าผู้ที่จะซื้อสินค้าทางออนไลน์ย่อมต้องมีการศึกษาการซื้อขายรูปแบบนี้มาระดับหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ผู้ซื้อได้ยินมากที่สุดคือการหลอกหลวง ฉะนั้นผู้ซื้อจะมีความระแวงผู้ขายเล็กน้อยอยู่ในใจ นั่นทำให้ผู้ขายจะต้องแสดงตัวตนที่ชัดเจน เช่น ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ เพราะบางครั้งผู้ซื้ออาจต้องการความช่วยเหลือจากผู้ขาย หรือมีข้อสงสัยในการใช้งานก็จะสามารถติดต่อกับผู้ขายได้ นอกจากจะเป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับผู้ซื้อแล้ว ยังอาจเป็นการสร้างความประทับใจจนนำไปสู่การซื้อซ้ำอีกก็ได้
3. กระบวนการยุ่งยากซับซ้อน
การซื้อขายนระบบออนไลน์ข้อดีอย่างหนึ่งความสะดวกที่สามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุเวลา นั่นคือจุดเด่นที่ทำให้ธุรกิจ e-Commerce แต่มันจะไร้ค่าหากระบบการซื้อขายมีความยุ่งยากซับซ้อน โดยเฉพาะการที่ต้องทไหลายขั้นตอนกว่าจะได้สินค้า ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้ซื้อมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการซื้อสินค้าในระบบออนไลน์ ที่สำคัญยังถือเป็นอันตรายมากเพราะเมื่อผู้ขายมีการบอกปากต่อปาก ข้อมูลที่ไม่ดีจะไปไวกว่าการโปรโมทสินค้าเสียอีก ผู้ขายจึงควรลดขั้นตอนกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนลง
4. อย่าคิดปิดบังค่าขนส่ง
หากใครที่นิยมซื้อสินค้าในระบบออนไลน์บ่อยๆ จะทราบว่า บางครั้งราคาค่าจัดส่งแพงกว่าาราคาตัวสินค้า นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ซื้อยอมเอาสินค้าออกจากรถเข็นก่อนจะดำเนินการซื้อขั้นตอนต่อไป นั่นทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าสินค้ามีราคาแพงเกินไป ดังนั้นผู้ขายจึงควรมีระบบการคำนวนคิดอัตราส่งสินค้า หรือรวมราคาค่าส่งลงไปในราคาสินค้า ซึ่งอาจจะคิดตามขนาดสินค้าหรือตามรหัสไปรษณีย์ที่ได้ลงทะเบียนไว้
5. ไม่เข้ากับหน้าจอสมาร์ทโฟน
ปัจจุบันการซื้อสินค้าในระบบออนไลน์มักจะทำธุรกรรมผ่านมาร์ทโฟนกว่า 80% ซึ่งหน้าจอสมาร์ทโฟนจะมีขนาดเฉลี่ย 5-6 นิ้วโดยประมาณ ดังนั้นผู้ขายจะต้องคำนึงถึงการทำภาพให้ง่ายในการค้นหาหรือเปิดภาพขึ้นมาดูได้ เพราะบางครั้งที่ผู้ขายใช้พื้นฐานหน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าหน้าจอสมาร์ทโฟน เมื่อผู้ซื้อเปิดในสมาร์ทโฟนรูปภาพอาจมีขนาดเล็กกว่าปกติ และทำให้ยากในการใช้งาน
6. อย่าปล่อยให้ผู้ซื้องง
การซื้อขาย e-Commerce ในไทยยังถือว่าเป็นช่องทางที่ใหม่มาก หลายคนยังไม่เข้าใจขั้นตอนในการซื้อขายด้วยระบบนี้ ดังนั้นผู้ขายควรจะต้องมีการทำขั้นตอนให้ง่าย หรืออาจจะต้องมีการนำทางให้ผู้ซื้อดำเนินการตามขั้นตอนการซื้อขายในระบบ e-Commerce เพื่อที่ผู้ซื้อจะได้ไม่งงกับขั้นตอนการซื้อขายที่มีหลายขั้นตอน เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ดีกับผู้ซื้อ
7. ต้องสร้างการตลาดเพื่อให้ผู้ซื้อเข้าถึง
แม้ว่าการซื้อขายในระบบออนไลน์จะง่ายและสะดวก แต่ก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้เทคนิคการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากผู้ขายมีจำนวนลูกค้าอยู่ในมือขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว ก็จำป็นต้องมีการวางแผนการตลาดเพื่อให้เกิดการซื้ออย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้คะแนนในรูปของการสะสมเพื่อแลกรับของรางวัลหรือใช้เป็นส่วนลด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้ผู้ซื้อมีความต้องการสะสมคะแนน เพราะการซื้อขายในระบบ e-Commerce จะรอให้ผู้ซื้อเข้ามาเองไม่ได้
8. สร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้ซื้อ
บางครั้งการใช้แผนการตลาดอาจยังไม่เพียงพอที่จะสามารถดุงผู้ซื้อให้กลับมาซื้อใหม่อีกครั้งได้ การที่ผู้ขายเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อในลักษณะของเพื่อนจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ซื้อ การใช้สื่อสังคมออนไลน์จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอเนื้อหาที่โดนใจของผู้ซื้อทั้งรายเก่าและรายใหม่ นั่นจะช่วยสร้างโอกาสในการซื้อขายได้
9. ควรทำวิจัยกลุ่มเป้าหมาย
ในโลกออนไลน์มีผู้คนมากมาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมดจะสามารถเป็นผู้ซื้อได้ ดังนั้นการขายสินค้าโดยการหว่านแหหรือการทำการตลาดแบบครอบคลุมจึงเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง เพราะนั่นจะทำให้ลงทุนสูงมากขึ้น ขณะที่ผลที่ได้อาจได้ไม่ตรงกับเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้นผู้ขายจึงควรจะต้องรู้จักผู้ซื้ออย่างดีผ่านการทำวิจัย ซึ่งนอกจากจะได้กลุ่มผู้ซื้อที่ตรงกับสินค้าแล้ว ยังสามารถรับรู้ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ และนำไปสู่การวางแผนที่แม่นยำมีประสิทธิภาพ
10. ราคาสะท้อนถึงคุณภาพ
ในตลาดทั่วไปเราสามารถเห็นการแข่งขันในด้านราคา ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบหากมีการลดราคาสินค้าหรือสินค้ามีราคาถูกกว่าท้องตลาด แต่ในโลกออนไลน์แล้วขายสินค้าในระบบ e-Commerce ราคากลับไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ราคาจะเป็นตัวสะท้อนคุณภาพของสินค้า ดังนั้นการตั้งราคาให้สมเหตุสมผลจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะหากตั้งราคาสูงเกินไป ผู้ซื้อก็ไม่กล้าที่จะซื้อ ในทางกลับกันหากตั้งราคาถูกเกินไปก็อาจส่งผลให้ผู้ซื้อมองว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพต่ำ
Source : Entrepreneur