ถ้าเปรียบการทำธุรกิจเป็นสงคราม ทุกวันนี้เรากำลังอยู่ในสงครามโลก (ออนไลน์) ที่ดูทีท่าว่าจะไม่มีวันสิ้นสุดอีกต่อไป การทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในแผนการตลาดของแต่ละธุรกิจ จากการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรมทำให้เหล่านักการตลาดต้องหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องที่ทำอยู่มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาด กลยุทธ์การทำคอนเทนต์ ฯลฯ
ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้การทำโฆษณาออนไลน์แค่บน Facebook หรือ Google Ads อย่างที่หลายคนคุ้นเคยอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะมีหลายแพลตฟอร์มใหม่ที่เข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็วจนสามารถทำให้คนที่ทำโฆษณาออนไลน์อยู่บนแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งเสียโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้
บทความนี้เราจะพามาอัปเดตข้อมูลของแต่ละแพลตฟอร์มที่คุณควรรู้ เพราะแม้ว่าการทำโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องใช้ทุกๆ แพลตฟอร์มเช่นกัน แล้วแต่ละอุตสาหกรรมหรือธุรกิจก็เหมาะสมกับการทำโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่ต่างกัน
โทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) มีบทบาทเพิ่มขึ้น
จากตัวเลขข้อมูลอัปเดตล่าสุดของ Digital 2021 Global Overview Report พบว่าเครื่องมือสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนถือครองมากที่สุดยังคงเป็นโทรศัพท์มือถือ Smart Phone ด้วยตัวเลข 96.6% ในขณะที่จำนวนคนใช้งานแล็ปท็อปหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมีตัวเลขอยู่ที่ 64.4%
นอกจากนี้แล้วค่าเฉลี่ยของคนที่ท่องอินเทอร์เน็ตในแต่ละวันอยู่ที่ 6 ชั่วโมง 54 นาทีต่อวันซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก แต่อีกข้อมูลที่น่าสนใจเช่นกันคือจำนวน Traffic เข้าเว็บไซต์จากโทรศัพท์มือถือซึ่งอยู่ที่ 55.7% โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันถึง +4.6% (เทียบระหว่าง ธันวาคม 2020 กับ ธันวาคม 2019) ต่างจาก Traffic ที่ได้จากผู้ใช้แล็ปท็อปและคอมพิวเตอร์โดยมีตัวเลขเป็น 41.4% ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันถึง -5.8% เลยทีเดียว
ตัวเลขนี้บอกเราอย่างชัดเจนแล้วว่าหากคุณยังทำสื่อออนไลน์อย่างเว็บไซต์ แล้วยังไม่มีการซัพพอร์ตการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้ดีเท่าที่ควรล่ะก็ ธุรกิจของคุณอาจเสียโอกาสดีๆ ไปไม่น้อย ที่สำคัญยังส่งผลกับการทำ SEO อีกด้วย
ยังไม่มีมีเดียใดชนะวิดีโอไปได้
วิดีโอยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยมีตัวเลขเป็น 90.6% และวิดีโอประเภท VLOG ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอยู่ที่ 51.4% ในขณะที่สื่ออื่นๆ มีจำนวนลดหลั่นกันลงมา
เพราะการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆ มีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน อีกทั้งยังมีการใช้งบประมาณที่ต่างกันด้วย ดังนั้นก่อนที่คุณจะใส่การทำโฆษณาออนไลน์ลงไปในแผนการตลาดของธุรกิจก็ควรทำความเข้าใจและเรียนรู้วิธีการทำงานของแพลตฟอร์มต่างๆ เสียก่อน
ทำโฆษณา Facebook
เป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจส่วนใหญ่เลือกใช้เป็นโซเชียลมีเดียแรก ด้วยตัวเลขผู้ใช้กว่า 51 ล้านคนในประเทศไทย ทำให้การทำโฆษณาออนไลน์บน Facebook เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและถือเป็นแผนการทำโฆษณาขั้นพื้นฐานที่ทุกๆ สินค้า บริการจะต้องใส่ลงไป ด้วยความที่ระบบอนุญาตให้ทุกคนสามารถซื้อโฆษณาเองได้และไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณที่สูงก็เริ่มทำโฆษณาออนไลน์ได้ จึงยิ่งตอบโจทย์กับธุรกิจทุกขนาด
จะว่าไป Facebook ก็ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีรูปแบบของสื่อที่หลากหลายที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่ง เพราะสามารถโพสต์ได้ทั้ง ตัวหนังสือ ลิงก์ ภาพ เสียงและวิดีโอ โดยตัวเลขค่าเฉลี่ยประเภทคอนเทนต์ที่คนมีส่วนร่วมบน Facebook มากที่สุดตามลำดับดังนี้ โพสต์รูปภาพ 0.20% โพสต์วิดีโอ 0.07% ลิงก์ 0.03% ตั้งสถานะ 0.11% (ตัวเลขเหล่านี้รวมทั้งการกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์)
Influencer ตอบโจทย์ แต่ต้องไม่โจ่งแจ้ง
จริงอยู่ที่ถ้าเทียบเรื่องความน่าเชื่อถือระหว่าง “แบรนด์พูด” กับ “บุคคลที่มีผู้ติดตามพูด” แน่นอนว่าเหล่าคนมีชื่อเสียงย่อมได้รับความไว้วางใจจากฐานแฟนของพวกเขามากกว่า แต่ปัจจุบันการจะบังคับให้ Influencer เหล่านั้น Hard Sale สินค้าอย่างเดียวเราก็ไม่แนะนำ เพราะผู้คนเริ่มเรียนรู้และแยกแยะออกได้แล้วว่าอันไหนรีวิวจริง อันไหนโฆษณา
ดังนั้นวิธีการทำโฆษณาบน Facebook โดยผ่าน Influencer ที่เราแนะนำคือการแฝงขายสินค้าโดยที่ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึก “ถูกยัดเยียด” ซึ่งเรื่องเหล่านี้อาจจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการนำเสนอของ Influencer แต่ละคนให้ออกมาดูสร้างสรรค์ ข้อมูลเป็นประโยชน์และขายสินค้าของคุณได้
แต่การทำโฆษณาผ่านคอนเทนต์เหล่านี้ถ้าจะให้ดีควรวางวัตถุประสงค์เป็น Awareness หรือการรับรู้แบรนด์จะดีที่สุด อย่าเพิ่งไปคาดหวังเรื่องยอดขาย เพราะคอนเทนต์ที่คนสนใจคือคอนเทนต์ที่พวกเขาอ่าน ดู หรือฟังแล้วต้องรู้สึกได้ประโยชน์ ตัวอย่างการ “แฝงขาย” ที่แบรนด์ต่างๆ นิยมกันตอนนี้ก็อย่างเช่น การทำตัวเป็นสปอนเซอร์ (Sponsored by) เป็นต้น
ทำโฆษณา Instagram
แม้ความจริงเจ้าของ Instagram ก็คือ Facebook แต่รูปแบบการแสดงคอนเทนต์และกลุ่มผู้ใช้ก็มีความต่างกันอยู่กันพอสมควร อย่างที่เราน่าจะทราบกันดีว่า Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการขับเคลื่อนคอนเทนต์ด้วยรูปภาพ แม้ว่าตอนนี้จะมีการสนับสนุนการใช้วิดีโอเพิ่มมากขึ้นแต่ดีเอ็นเอเดิมของแพลตฟอร์มก็ยังคงแข็งแรงกว่าอยู่ดี
โดย ณ ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ใช้ Instagram กว่า 16 ล้านบัญชีและผู้หญิงยังคงเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่มากกว่าอยู่ที่ 61.7% ในขณะที่ผู้ชายคือ 38.3% แล้วตอนนี้ IG Shopping ก็สามารถใช้งานในประเทศไทยได้แล้วจะสังเกตว่าใน Instagram นั้นการแข่งขันทางธุรกิจก็ดุเดือดไม่แพ้บริษัทแม่อย่าง Facebook เลยเช่นกัน
แต่การทำโฆษณานั้นแทบไม่มีอะไรต่างกันเลยเนื่องจาก Instagram จะต้องใช้ตัวจัดการโฆษณา (Ads Manager) ตัวเดียวกันกับ Facebook ในการซื้อโฆษณา ซึ่งจริงๆ ก็สามารถกดซื้อโฆษณาผ่าน Instagram ได้เพียงแต่การกำหนดกลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ละเอียดเท่าตัวจัดการโฆษณาบน Facebook
IG Story สั้นๆ แต่ทรงพลัง
ด้วยจุดเด่นคือ ง่ายๆ เร็วๆ ไม่ต้องประณีตอะไรมากและจะแสดงอยู่เพียงแค่ 24 ชั่วโมง ทำให้ IG Story ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากโดยปกติแล้วการทำคอนเทนต์ลงหน้าฟีด IG จะต้องเน้นการทำภาพให้สวยน่าดึงดูดแต่พอเป็น Story คุณสามารถแชร์เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแบบเรียลไทม์ได้ ที่สำคัญยังถ่ายเป็นวิดีโอ มีเอฟเฟคและเขียนคำอธิบายต่างๆ ลงไปได้ จึงเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ดีในการโปรโมทธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ
*การ Add to your story เวลามีลูกค้าแท็กเข้ามาก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณเพิ่มความน่าเชื่อถือกับลูกค้าคนอื่นๆ ได้เพราะเขาจะได้เห็นว่ามีคนใช้สินค้าของคุณจริง
ทำโฆษณา Google
ในปัจจุบันจากการแข่งขันอย่างดุเดือดบน Facebook ทำให้หลายๆ ธุรกิจหันมาให้ความสนใจกับการทำโฆษณา Google มากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ส่วนมากจะเป็นธุรกิจที่มีขนาดกลาง – ระดับอุตสาหกรรมขึ้นไป แต่ในปัจจุบัน SME ไม่น้อยก็เริ่มใช้ Google Ads ในการช่วยโปรโมทธุรกิจด้วยความที่ Google เองก็มีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลายมากขึ้น
โดย YouTube ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Google ก็เป็นอีกพื้นที่ที่ธุรกิจควรจะเข้าไปจับจอง ด้วยตัวเลขผู้ใช้ในไทยกว่า 37.30 ล้านบัญชีและมีการเข้าถึงโฆษณาอยู่ที่ 54.3% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญ YouTube ยังเป็นแพลตฟอร์มที่คนไทยใช้มากที่สุดอีกด้วย โดยคิดเป็น 94.2% ในขณะที่ Facebook เป็นอันดับที่สอง ซึ่งอยู่ที่ 93.3%
ทำโฆษณา TikTok
แม้จะเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงได้ไม่นานแต่กลายเป็นว่าธุรกิจมากมายให้ความสนใจ ทว่าด้วยการทำโฆษณาที่มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง แบรนด์ต่างๆ จึงมักเริ่มจากการทำคอนเทนต์ให้น่าดึงดูดและตรงกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้ใช้งาน TikTok ซะมากกว่า ส่วนโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้โดยมากจะเป็นธุรกิจหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีงบการตลาดเพียงพอ
อย่างไรก็ตามการทำโฆษณา TikTok ผ่านคอนเทนต์ก็ยังเป็นสิ่งที่เราแนะนำ ด้วยตัวเลขผู้ใช้กว่า 18.5 ล้านคนและผู้ใช้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Z ที่มีสูงถึง 41% จึงเหมาะอย่างมากกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้
ทำโฆษณา LINE
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ไม่น่าจะมีคนไทยคนไหนไม่รู้จักเพราะทุกวันนี้ถ้าถามว่าคนไทยใช้แอปฯ แชทพูดคุยอันไหนเป็นหลัก ทุกคนต่างต้องตอบเป็นเสียงเดียวกันแน่ๆ ว่า LINE ในปัจจุบันคนไทยใช้แอปฯ LINE กว่า 47 ล้านคน โดยถูกจัดอยู่ในโซเชียลมีเดียที่คนไทยใช้มากที่สุดเป็นอันดับ 3 และเป็นแพลตฟอร์มแชทอันดับ 1 ด้วยตัวเลขผู้ใช้ 86.2% (รองจาก YouTube และ Facebook)
จากกลุ่มผู้ใช้ที่มากขนาดนี้การทำโฆษณาบน LINE จึงเป็นอีกช่องทางที่ธุรกิจต่างๆ หันมาให้ความสนใจซึ่งรูปแบบการทำโฆษณาผ่าน LAP (LINE Ads Platform) ก็มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างละเอียดและมีรูปแบบโฆษณาที่หลากหลายจึงเป็นอีกช่องทางที่เราไม่อยากให้คุณมองข้าม
ทุกวันนี้มีโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวันและบางครั้งก็กลายเป็นที่นิยมแบบที่เราไม่คาดคิดมาก่อน ในฐานะนักการตลาดการติดตามอัปเดตสิ่งใหม่ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ดีและช่วยให้การทำโฆษณาออนไลน์ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่คุณอาจไม่จำเป็นและไม่ได้เหมาะกับการใช้งานทุกแพลตฟอร์มก็ได้ ถึงอย่างนั้นก็ตาม การทำโฆษณาออนไลน์อยู่บนแพลตฟอร์มเดียว รูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เราแนะนำเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าการจะทำการตลาดออนไลน์บนทุกๆ แพลตฟอร์มคงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจต้องคิดหนักพอสมควรเพราะต้องใช้ทีมงานที่เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ดังนั้นถ้าคุณมีแผนที่จะทำการตลาดออนไลน์ให้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มไหนก็ตาม Primal เป็นเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลครบวงจรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญจนได้รับความไว้วางใจจากภาคอุตสาหกรรมมากมาย ตั้งแต่การรับทำ SEO ไปจนถึงการทำโฆษณาออนไลน์ ถ้าคุณสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปปรึกษากับ Primal ได้ที่ www.primal.co.th