โดยปกติแล้ว การที่คนเราจะมี mindset ที่นึกถึงแต่ตัวเองก่อนจะนึกถึงคนอื่น พูดง่าย ๆ ก็คือ การมองเห็นเป้าหมายของตัวเองเป็นใหญ่ โดยมีของคนอื่น ๆ เป็นเพียงเศษเสี้ยวของส่วนประกอบ หรือเรียกว่า “Inward Mindset” มักไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร แต่ทว่าเมื่อต้องอยู่รวมกับสังคมหมู่มาก โดยเฉพาะในที่ทำงาน การจะก้าวเติบโตไปข้างหน้าด้วย mindset ที่กล่าวไปอาจจะก่อให้เกิดความ toxic ในที่ทำงานได้
ดังนั้นหากต้องทำงานร่วมกันกับผู้อื่น การที่มี mindset ที่ถูกต้องมักจะช่วยเปลี่ยนมุมมองให้เราเข้าใจสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น เคยสังเกตกันไหมว่า เวลาที่เราเข้าไปทำงานบริษัทสักแห่ง จะต้องมีการปรับวิธีคิดก่อนเริ่มทำงานเพื่อให้ทุกคนอยู่รวมกันได้
วันนี้ทาง Marketing Oops! จะมาขอแชร์ mindset ที่จะช่วยเปลี่ยนเลนส์มุมมอง เพื่อให้เข้าใจวิธีการทำงานที่ถูกต้องในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และนำไปสู่การเติบโตของตัวเองโดยที่ไม่ต้องทำให้ใครทุกข์ใจ และสร้างวัฒนธรรมของที่ทำงานให้เป็นที่ ๆ น่าอยู่
Outward Mindset การเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ตรงกันข้ามกับ Inward Mindset หรือก็คือ “Outward Mindset” เป็นวิธีการคิดที่สำคัญต่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นแบบสันติสุข ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานเป็น mindset ที่ช่วยให้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นราบรื่นขึ้น
เพราะฉะนั้นแนวคิดสำคัญของ Outward Mindset เริ่มจากการใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ไม่ใช่แค่กับตัวเอง เราต้องให้ความสำคัญกับความรู้สึกเขามากพอกับที่เราใส่ใจความรู้สึกของตัวเอง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะกลายมาเป็นความเข้าอกเข้าใจต่อเพื่อนร่วมงาน มาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เป็นหัวใจสำคัญของการมองคนรอบตัวด้วยความเข้าใจแบบ Outward Mindset
- ลองมองในมุมของคนอื่นดูบ้าง การที่เราเริ่มมองในมุมของคนอื่น อาจจะเข้าใจถึงความรู้สึก และเหตุผลของเพื่อนร่วมงานมากขึ้น
- การให้เกียรติ์คือ การให้ความเคารพนับถือและยอมรับในความสามารถของผู้อื่น การให้เกียรติ์ผู้อื่นอาจจะรวมไปถึงการเคารพในความแตกต่างของผู้อื่น เคารพในความเห็นและการตัดสินใจของผู้อื่น
- ไม่พยายามยัดเยียดความคิดของเราให้ใครคิดตาม อาจจะส่งผลเสียได้ เพราะบางความคิดของเราอาจจะไม่ได้ถูกเสมอไป ควรมีการแชร์ความคิดเห็นของหลาย ๆ คน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่องาน
ความสุขเล็ก ๆ จาก Outward Mindset ทำให้คนรอบข้างสบายใจมากขึ้น
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าการมองโลกผ่านเลนส์ Outward Mindset จะทำให้คนรอบข้างแฮปปี้ได้จริงเหรอ?
การใช้ Outward Mindset จะทำให้เราเห็นถึงความเป็นจริงมากขึ้น และเริ่มปฏิบัติต่อคนรอบข้าง ไม่ว่าจะกับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงานได้จริงใจมากขึ้น เพราะเราเข้าใจปัญหาของเขา เลยก่อให้เกิดพฤติกรรมที่อยากจะช่วยเหลือและมุ่งเน้นประโยชน์โดยมีส่วนรวมเป็นที่ตั้ง สิ่งที่ตามมาคือความสุขที่เราได้ช่วยเหลือผู้อื่น และคนรอบข้างก็มักจะแฮปปี้ที่เราเข้าใจและค่อยช่วยเหลือ ดังคำพูดที่ว่า “You get what you give” คุณจะได้ในสิ่งที่คุณมอบให้ผู้อื่น
Outward Mindset ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรและการก้าวกระโดดของการงาน
ทุก ๆ องค์กรย่อมอยากได้คนเก่ง และเก่งในที่นี้ไม่ใช่แค่ทักษะ แต่มักจะรวมถึงคนที่มีทัศนคติดีมาร่วมงาน เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้คุณมีสกิลหรือทักษะเก่งแค่ไหน ถ้าเป็นคนไม่น่าคบก็มักจะอยู่ไม่ค่อยรอด ดังนั้นถ้ายิ่งได้เจอคนที่มี Outward Mindset การทำงานก็จะสบายมากขึ้น เพราะคนที่คิดและแสดงพฤติกรรมแบบนี้จะมีศักยภาพในการบริหารทั้งงานและคน สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งได้ และอาจจะช่วยลดความขัดแย้งในองค์กรได้อีกด้วย
ตัวอย่างประเทศที่มีแนวคิดในการทำงานรูปแบบ Outward Mindset อย่างประเทศญี่ปุ่น นิสัยของคนญี่ปุ่น (ส่วนใหญ่) ที่มีค่านิยมในการทำเพื่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง การให้เกียรติและสุภาพกับทุกคน ถือเป็นค่านิยมเหล่านี้ถูกปลูกฝังจนกลายเป็นวัฒนธรรม รวมถึงระดับสังคมในความเป็นอยู่ของประชาชน หลายคนที่ได้เคยไปต่างก็รู้ดีว่า ญี่ปุ่นให้ความสนใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ ความเอาใจใส่ของคนญี่ปุ่นนั้นทำให้หลาย ๆ คน เกิดประทับใจ และอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกหลาย ๆ ครั้ง ถือเป็นแนวคิดที่ดีทำให้ทุกคนในประเทศใส่ใจคนรอบข้าง รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ไปเยือน
เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเพื่อ และนำไปปรับใช้ได้ เราจะลองยกตัวอย่างง่าย ๆ ระหว่างคนที่มี Inward Mindset vs. Outward Mindset
- inward mindset เวลาทำงาน มักจะเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางไม่เปิดรับความคิดเห็นของผู้อื่น มองหาข้อผิดพลาดของผู้อื่นและกล่าวโทษเปรียบเสมือนการกดผู้อื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตัวเองให้สูงขึ้น
- outward mindset มองโลกในแง่บวก เห็นความสุขอยู่รอบตัวเอง และมองเห็นคนอื่นอยู่เสมอ ด้วยความคิดที่ว่า คนอื่นก็มีความสำคัญ เท่าเทียบกันทุกคน จึงพร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหลือและพร้อมจะดึงคนรอบข้างไปสู่ความสำเร็จในทุก ๆ ด้าน
ดังนั้นการมี Outward Mindset ไม่ใช่แค่มีประโยชน์ต่อการทำงานเท่านั้น ยังมีประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อครอบครัว หรือบุคคลอื่น ๆ ในชีวิต เพราะความคิดดังกล่าว คือการมุ่งเน้นประโยชน์เพื่อส่วนรวมเป็นที่ตั้งนั้นเอง
