หลังการแพร่ระบาดทั่วโลกอุปกรณ์อย่างคอมพิวเตอร์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งด้วยมาตรการ Work from Home ซึ่งนอกจากคอมพิวเตอร์จะกลับมาได้รับความนิยม Tablet ก็ได้รับอานิสงส์นี้เช่นกัน ขณะที่สมาร์ทโฟนก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่หลายคนนังต้องการเนื่องจากการใช้งานที่หลากหลายและยังสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย ทำให้ความต้องการสมาร์ทโฟนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่ทราบ 3 ค่ายใหญ่อย่าง Samsung, Apple และ Huawei แย่งชิงกันเพื่อรั้งตำแหน่งผู้นำในตลาดโลก แต่ด้วยสถานการณ์ที่ผ่านมา Hauwei ได้รับผลกระทบอย่างมาก ส่งผลให้การแข่งขันตกอยู่ในมือของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ แต่ปีนี้บริษัทวิจัยระดับโลกอย่าง Canalys ประกาศผลสำรวจในไตรมาสที่ 2 โดยพบว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น 12% โดย Samsung จากเกาหลีใต้ยังคงครองตำแหน่งผู้รำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาด 19% โดยมียอดขายเพิ่มขึ้น 15%
ขณะที่ Xiaomi ก้าวขึ้นสู่อันดับ 2 เป็นครั้งแรกด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 17% โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่พุ่งทะยานขึ้นถึง 83% ผลักให้ Apple ผู้ผลิต iPhone ตกลงมาอยู่อันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 14% โดยยอดขาย iPhone ช่วงที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเพียง 1% เท่านั้น แม้จะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ OPPO และ Vivo ตามมาในอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับด้วยส่วนแบ่งการตลาดเท่ากันที่ 10% โดย OPPO มียอดขายเพิ่มขึ้น 28% ขณะที่ Vivo มียอดขายเพิ่มขึ้น 27% ซึ่งมียอดขายเติบโตมากกว่าผู้นำตลาดอย่าง Samsung
ด้าน Lei Jun ผู้ก่อตั้ง ประธานและ CEO ของ Xiaomi ชี้ว่า การก้าวขึ้นสู่อันดับ 2 ของตลาดโลกเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำงานอย่างหนักของ Xiaomi ตลอด 5 ปีของการพัฒนาภายใต้สภาวะที่ยากลำบากอย่างยิ่ง โดยเป้าหมายต่อไปของ Xiaomi คือการก้าวสู่กลุ่มตลาดระดับพรีเมียมและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดโลก ด้าน Canalys ชี้ว่า Xiaomi สามารถสร้างผลกำไรได้มากถึง 300% ในตลาดละตินอเมริกา สร้างผลกำไรได้ 150% ในตลาดแอฟริกา และสร้างผลกำไรได้ 50% ในตลาดยุโรปตะวันตก
โดย Canalys ยังวิเคราะห์ก้าวต่อไปของ Xiaomi ที่จะหันมาเน้นการรั้งตำแหน่ง 1 ใน 3 ผู้นำตลาดโลก แต่ก็ยังคงเน้นตลาดระดับกลางเป็นหลัก ส่งผลให้ราคาของสมาร์ทโฟน Xiaomi ถูกกว่าอีก 2 ค่ายใหญ่ ที่สำคัญ Xiaomi ถูกถอดออกจากบัญชีดำบริษัทสัญชาติจีนของสหรัฐฯ โดย Xiaomi มีจุดเด่นในเรื่องของกล้องและระบบการชาร์จที่รวดเร็วกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ
Source: Japan Today , The Techee