การสำรวจล่าสุดของบริษัท Gallup พบว่าหลังจากเบียร์เป็นเครื่องดื่มสุดฮิตของชาวอเมริกันมานาน 20 ปี แต่ปริมาณการบริโภคเบียร์ของชาวอเมริกันกลับลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดการสำรวจประเมินว่าสัดส่วนการบริโภคเบียร์ของชาวอเมริกันในภาพรวมลดลงมากกว่า 10 จุด จากปี 1992 ที่มีสัดส่วนการบริโภคที่ 47% เหลือเพียง 36-37% ในช่วงปี 2012-2013
การสำรวจของ Gallup พบว่าในกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 18-29 ปี ปริมาณการดื่มเบียร์นั้นลดลงมากกว่า 20% โดยจากช่วงปี 90 ที่มีสัดส่วนการบริโภคเบียร์มากกว่า 70% กลับลดลงเหลือระดับ 42% เท่านั้น
เหตุผลหลักที่ชาวอเมริกันเลือกที่จะดื่มเบียร์น้อยลง คือความเอาใจใส่ต่อสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะความกังวลเรื่องพลังงานแคลเลอรี่ที่สูงเกินไป ทำให้เครื่องดื่มอย่างน้ำบรรจุขวดนั้นมีปริมาณการบริโภคที่เพิ่มขึ้นชัดเจน เช่นเดียวกับชา ขณะที่น้ำอัดลม เบียร์ และน้ำผลไม้ไม่ได้มีสัดส่วนเติบโตมากนัก
เหตุผลอื่นคือค่านิยมในกลุ่มคนทำงานระดับต่างๆของชาวอเมริกัน รวมถึงพลังของการโฆษณาเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอร์ที่มีอิทธิพลและเข้าถึงชาวอเมริกันมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยที่การปรับลดราคาลงของเครื่องดื่มประเภทไวน์ รวมถึงความนิยมในรสชาตของชาวอเมริกันที่เปลี่ยนไป