หนึ่งในไฮไลต์งานสัมมนา Creative Talk Conference 2024 หรือ #CTC2024 คือ “Half Year Trends: Marketing” ว่าด้วยเทรนด์การตลาด (Marketing Trends)ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และมองต่อไปยังช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ โดย คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Office, SCBX และคุณเจนคณิต รุจิรโมรา Chief Strategy Officer, Leo Burnett Thailand / Publicis Groupe Thailand ได้ฉายภาพเทรนด์การตลาดที่น่าสนใจ
1. AI and Creativity: AI เข้ามาอยู่ในกระบวนการความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น โดยเป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับมนุษย์ ไม่ใช่มาแทนที่มนุษย์ และสามารถช่วยแบรนด์ในการทำ Personalized content และ engagement อย่างไรก็ตามการนำ AI มาใช้ ขแบรนด์ต้องคำนึงถึงการใช้อย่างมีจริยธรรม (AI Ethics)
2. Creator Economy and Brand Partnerships: จะเห็นการทำงานร่วมกันระหว่างครีเอเตอร์กับแบรนด์มากขึ้นในฐานะพาร์ทเนอร์ชิป นอกจากนี้แบรนด์สามารถเข้าใจผู้บริโภค Gen Z ผ่านการใช้ครีเอเตอร์ และการมี User-generated content (UGC) ช่วยให้คอนเทนต์ของแบรนด์สนุกขึ้น ไม่น่าเบื่อ
3. Cultural Relevance Brand Building: สร้างแบรนด์ให้เชื่อมโยงหรือเข้ากับบริบทของวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัย เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น นี่จึงทำให้ที่ผ่านมาจะเห็นหลายแบรนด์ทำการรีแบรนด์ หรือรีเฟรชแบรนด์ให้มีความทันสมัย เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของผู้คนและยุคสมัย
4. Women’s Empowerment and Diversity: การส่งเสริมและสนับสนุนพลังผู้หญิงและความหลากหลาย แบรนด์สามารถทำแคมเปญเชื่อมโยงแนวคิด DEI (Diversity – Equity – Inclusion) เพื่อโอบรับความหลากหลาย และสร้างการมีส่วนร่วมด้วยกัน
5. Sustainability and Purpose-driven Marketing: การสร้างแบรนด์ และแคมเปญสื่อสารการตลาดทุกวันนี้ต้องนำ Purpose และ Sustainability มาเป็นส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันแบรนด์สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์มาขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสู่ความยั่งยืน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ Greenwashing หรือการฟอกเขียว คือการทำให้เข้าใจด้วยการโฆษณาสื่อสารว่าธุรกิจนั้นๆ หรือแบรนด์นั้นๆ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
6. The Future of Technology in Marketing: ปัจจุบันเทคโนโลยีการตลาด หรือ MarTech อยู่ในสเต็ปที่ทุกแบรนด์เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ใช้งานได้จริง เพราะฉะนั้นจะเห็นการใช้ MarTech ในกลยุทธ์การตลาดมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ หรือธุรกิจไม่สูญเสียโอกาสในทุกๆ Need Stage ของผู้บริโภค และเมื่อประกอบกับ Data ที่มี ทำให้แบรนด์เข้าใจ และ identify ลูกค้า รวมทั้งความต้องการของลูกค้าได้ชัดเจน-แม่นยำขึ้น
7. Creative Effectiveness and Brand Building: ผู้บริหารระดับ C-level และ Stakeholders ควรคิดใหม่ว่าความคิดสร้างสรรค์ สร้างคุณค่า และมี impact ต่อผลลัพธ์ทางธุรกิจ รวมทั้งต้องสร้างสมดุลระหว่าง performance ทางธุรกิจระยะสั้น กับการสร้างแบรนด์ในระยะยาว
8. Personal and Professional Growth: สร้างการเติบโตให้กับตัวเอง และอาชีพ/สายงานของตัวเอง พร้อมทั้งทำให้ชีวิตมีพลังงานดีๆ เข้ามา และพยายามเอาชนะข้อจำกัด ความเหนื่อยล้า หรือภาวะ Burn out ต่างๆ
9. Data เป็นหัวใจสำคัญในการช่วยแบรนด์ตัดสินใจได้แม่นยำขึ้น ซึ่ง Data ส่วนใหญ่ของแบรนด์มาจากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Social Media แต่ในอีกด้านหนึ่งทำให้แบรนด์ต้องคอยตามการเปลี่ยนแปลงของ Algorithm ของแพลตฟอร์มตลอด สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ “ความต่าง” น้อยลง ทำให้การทำแคมเปญของแบรนด์ไปในทิศทางเดียวกัน มีความคล้ายกัน หรือเหมือนกัน
10. แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับ “แบรนด์ดิ้ง” ไม่โฟกัสเฉพาะ Lower funnel จากที่ผ่านมาหลายแบรนด์มี Commerce Mindset มากขึ้น นั่นคือแบรนด์โฟกัส Lower Funnel เป็นหลัก เพื่อปิดการขายให้เร็ว แต่การเน้น Lower Funnel อย่างเดียว อาจทำให้แบรนด์ต้องแข่งขันด้านราคา และส่งผลต่อ Brand Loyalty ของลูกค้าลดลง
“เทรนด์มาแล้วก็ไป แต่มนุษย์ต่างหากคือ หัวใจสำคัญของการทำตลาด (Trends come and go, People stay)…” คุณสุธีรพันธุ์ สรุปทิ้งท้าย