ด้วยระยะทางเพียง 3 ชั่วโมงบินจากกรุงเทพฯ ทำให้ ’ไต้หวัน’ กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม – เมษายน) ของปี 2024 นี้ พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเยือนไต้หวันถึง 153,638 คน หรือสูงขึ้นกว่า 17.82% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวไต้หวัน?
คุณพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดหมวดสายการบิน เผยผลสำรวจพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวไทย พบว่า จริงๆ แล้วคนไทยชอบการไปเที่ยวไต้หวันอยู่แล้ว โดยนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา พบว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยผ่านบัตร KTC สูงเป็นอันดับต้นๆ อยู่เสมอ ส่วนในครึ่งปีแรกของปี 2024 นี้ เมื่อนับเฉพาะในเส้นทางเอเชีย ไต้หวันจะอยู่ในอันดับที่ 5 และใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวราว 23,000 บาท
แต่ในช่วงนี้เราจะเห็นพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป จนเกิดเป็นเทรนด์ ‘ทริปสั้น’ ที่นักท่องเที่ยวจะเลือกจุดหมายปลายทางที่ใกล้ขึ้น และใช้ระยะเวลาการท่องเที่ยวสั้นลง ส่งผลให้ไต้หวันได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน (MOFA) ยังประกาศต่ออายุแผนการทดลองยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศนโยบายมุ่งไต้ใหม่ (NSP) ซึ่งได้แก่ ไทย บรูไน และฟิลิปปินส์ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 31 ก.ค. 2568 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าประเทศไต้หวันได้ 14 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าใดๆ ซึ่งทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไต้หวันเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น
เจาะแนวคิด ‘การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน’ ของไต้หวัน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม-ตอบรับเทรนด์รักษ์โลก
ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของไต้หวัน เผยให้เห็นว่า ในปี 2023 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไต้หวันสูงถึง 6 ล้านคน และคาดการณ์ว่าในปี 2024 นี้ ยอดรวมนักท่องเที่ยวจะสูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดเสียอีก โดยตั้งเป้าว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ราว 12 ล้านคน
เพื่อเป็นการรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และตอบรับเทรนด์รักษ์โลกของคนยุคปัจจุบัน ทางรัฐบาลไต้หวันจึงออกนโยบายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) ซึ่งไม่ใช่แค่การปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวในไต้หวันร่วมกันกับทั้งตัวนักท่องเที่ยว และผู้คนในสังคมส่วนรวมในประเทศด้วย
แนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไต้หวันจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ
1. โครงการด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (Ecotourism Initiatives) – เพิ่มการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ อุทยานธรณี และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมแผนการบริหารด้านการท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น แผนการทำนุบำรุง หรือแผนการฟื้นฟู
2. การคมนาคมคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Transportation) – มีการเพิ่มแผนประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินเส้นทางสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า ไปจนถึงการเลือกใช้พาหนะที่ปล่อยปริมาณคาร์บอนน้อย ซึ่งทางไต้หวันได้มีเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เช่า เช่น รถยนต์ไฟฟ้า หรือการติดป้าย Bicycle Friendly เพื่อสนับสนุนการเดินทางด้วยจักรยาน
3. ออกมาตรฐานคุณภาพผ่านใบรับรองต่างๆ (Certification and Standards) – ทางรัฐบาลไต้หวันได้ออกใบรับรองต่างๆ เช่น Green Travel Mark และ Travelife ให้กับธุรกิจบริการท่องเที่ยว เพื่อสร้างกรอบมาตรฐาน ทั้งยังเป็นการโปรโมตให้กับธุรกิจที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังด้วย
4. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รับจำนวนคนที่มากขึ้น (Infrastructure Development) – ทางการไต้หวันได้เพิ่มการลงทุนสร้าง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ เช่น ที่พักอาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบการกำจัดของเสีย รวมไปถึงศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวที่พร้อมดูแล และให้ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงมรดกทางวัฒนธรรม
KTC เดินกลยุทธ์ Partnership Marketing จับมือ การท่องเที่ยวไต้หวัน ขยายฐานลูกค้ากลุ่มท่องเที่ยว
เพื่อตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภคที่หันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงแนวทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไต้หวัน ทาง KTC จึงออกแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวไต้หวัน มอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมให้กับผู้ถือบัตร KTC เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรสายการบินอย่าง China Airlines, EVA Air, และ Starlux Airlines ไปจนถึงโรงแรมต่างๆ
นอกจากนี้ ทาง KTC ยังออกบริการด้านท่องเที่ยวอย่าง KTC World ที่ให้ผู้ถือบัตรได้จองแพคเกจทริปท่องเที่ยวได้ ซึ่งมาพร้อมกับตั๋วเครื่องบิน ที่พักพร้อมอาหารเช้า และบัตรรถไฟฟ้าสำหรับเดินทางในประเทศไม่จำกัด พร้อมรับคะแนน KTC Forever 1,000 คะแนนไปเลย ในราคาเริ่มต้นที่ 13,900 บาท ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน
ด้านคุณซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เผยว่า การท่องเที่ยวไต้หวันร่วมมือกับ KTC มาเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยกิจกรรมต่างๆ ไปจนถึงแคมเปญโปรโมตการท่องเที่ยวในไต้หวันนั้นได้รับผลตอบรับที่ดี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปไต้หวันได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นความประทับใจให้รู้สึกอยากกลับไปเที่ยวที่ไต้หวันอีก
