“Ipsos” (อิปซอสส์) บริษัทวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภคครบวงจร เปิดเผยถึงรายงานการศึกษาชุดพิเศษ “What worries the World – What worries Thailand” ที่ประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 3 ส่วนคือ ด้านสังคม (Societal Focus), ด้านเศรษฐกิจ (Economic Focus) ฉายภาพความไม่เทียม และความกังวลสูงสุดของประชากรโลกและไทย พร้อมค่าใช้จ่ายที่ส่งผลต่อการครองชีพสูงขึ้น รวมทั้งการปรับใช้ ESG ในธุรกิจ และประสบการณ์ของผู้บริโภค (Embedding ESG in Experience)
คนทั่วโลกกังวล “เงินเฟ้อ” มากสุด – คนไทยกังวล “ปัญหาการเมือง – ความยากจน ความไม่เท่าเทียม”
สำหรับความกังวลที่คนทั่วโลกรู้สึกกังวลมากสุดตลอด 15 เดือนที่ผ่านมาคือ
– 40% ปัญหาเงินเฟ้อ
– 31% ปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมในสังคม
– 29% ปัญหาอาชญากรรม และความรุนแรง
– 27% ปัญหาการว่างงาน
– 25% ปัญหาการทุจริตทางการเงินหรือการเมือง
ขณะที่ “ประเทศไทย” พบว่าความกังวล 5 อันดับสูงสุดคือ
– 40% ปัญหาการทุจริตทางการเงินหรือการเมือง
– 39% ปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมกัน
– 29% ปัญหาเงินเฟ้อ
– 26% ปัญหาการว่างงาน
– 25% ปัญหาอาชญากรรม
ผู้คนคาดหวัง “รัฐบาล” ควรเป็นผู้นำแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียม
เมื่อเจาะลึกประเด็นสังคมด้านความเท่าเทียม รายงานฉบับนี้ระบุว่า ประเทศโดยส่วนใหญ่ ผู้ความพิการทางร่างกายต้องประสบกับการถูกเลือกปฏิบัติมากที่สุด และเมื่อถามกลุ่มตัวอย่างว่า คุณคิดว่าปัจจุบันในประเทศของคุณ ใครที่ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม หรือไม่เป็นธรรมในประเทศของคุณมากที่สุด ? ผลสำรวจพบว่า
เทียบระหว่างอัตราเฉลี่ยของโลก : ประเทศไทย
– ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย 33% : 32%
– ผู้หญิง 26% : 14%
– ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต 25% : 20%
– ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) 24% : 18%
– ผู้สูงอายุ 24% : 22%
– ชนกลุ่มน้อย 23% : 24%
– ผู้อพยพ 22% : 17%
– คนข้ามเพศ 22% : 20%
– ผู้ที่มีความหลากหลายทางระบบประสาท (Neurodivergent) 20% : 27%
– ผู้ที่นับถือศาสนาเฉพาะ 12% : 8%
– คนรุ่นใหม่ 11% : 9%
– ผู้ชาย 6% : 5%
ผู้คนในทุกประเทศเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลควรเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน โดยมีสัดส่วนตามกลุ่ม ดังนี้
เทียบระหว่างอัตราเฉลี่ยของโลก : ประเทศไทย
– บทบาทจากภาครัฐ 66% : 65%
– สื่อมวลชน 26% : 26%
– กลุ่มพนักงานลูกจ้าง 25% : 16%
– ระดับบุคคล 23% : 20%
– ผู้ปกครองและครู 22% : 19%
– องค์กรสนับสนุน 17% : 25%
– ผู้นำทางศาสนา 11% : 11%
– กลุ่มที่ประสบปัญหาความไม่เท่าเทียม 10% : 13%
นอกจากนี้สำหรับผลสำรวจในประเทศไทย ยังพบว่า
– 39% ของคนไทยรายงานว่าอาชญากรรมเพิ่มขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นในชุมชนของตนเองและละแวกใกล้เคียง
– 44% ของคนไทยมั่นใจว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง สามารถหยุดความรุนแรง และ อาชญากรรมที่ไม่รุนแรงได้
“เงินเฟ้อ” ยังเป็นความกังวลต่อเนื่อง ทำค่าครองชีพสูงขึ้น
เมื่อเจาะลึกมิติด้านเศรษฐกิจ จากการสำรวจพบว่า “อัตราเงินเฟ้อ” ยังคงเป็นความกังวลอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่ใช่ความกังวลอันดับหนึ่งสำหรับคนไทยก็ตาม โดยพบว่าคนไทยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น
– 57% ของคนไทยส่วนใหญ่ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศในปัจจุบันว่า “แย่”
– 72% ของคนไทยมองว่าประเทศกำลังถดถอย เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกในอัตรา 49% โดยกังวลสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 23%
– 64% ของคนไทยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี
ในแง่ของ “การครองชีพ” คนไทยคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารจะสูงขึ้น เป็นผลสะท้อนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ค่าใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้าคือ
– 65% เชื่อว่าค่าสาธารณูปโภคเพิ่มสูงขึ้น เช่น แก๊ส ไฟฟ้า ฯลฯ (เทียบกับทั่วโลกอยู่ที่ 71%)
– 65% เชื่อว่าค่าเชื้อเพลิงในการขับขี่จะเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำมันดีเซล เบนซิน (เทียบกับทั่วโลกอยู่ที่ 60%)
– 64% เชื่อว่าค่าใช้จ่ายด้านอาหารจะเพิ่มสูงขึ้น (เทียบกับทั่วโลก 67%)
ในขณะที่การจับจ่ายในครัวเรือนอื่นๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเข้าสังคม เช่น ดูหนังที่โรงภาพยนตร์, ใช้บริการร้านอาหาร – คาเฟ่, ค่าใช้จ่ายการสมัครสมาชิกต่างๆ เช่น Video Streaming, ยิม และค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่า เชื่อว่าอาจยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
นอกจากนี้เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นมาจากปัจจัยอะไร ? พบว่า
– 81% ของคนไทยมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลก (เทียบกับทั่วโลก 73%)
– 79% ของคนไทยบอกว่านโยบายของรัฐบาลในประเทศ (เทียบกับทั่วโลก 70%)
– 78% ของคนไทยบอกว่ามาจากการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในประเทศ (เทียบกับทั่วโลก 71%)
– 67% ของคนไทยมองว่ามาจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน สร้างผลกระทบตามมา (เทียบกับทั่วโลก 64%
– 74% ของคนไทยมองว่าธุรกิจที่ทำกำไรมากเกินไป (เทียบกับทั่วโลก 63%)
– 75% ของคนไทยมองว่าการระบาดของ COVID-19 (เทียบกับทั่วโลก 56%)
– 73% ของคนไทยมองว่าคนงานเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้น (เทียบกับทั่วโลก 53%)
– 61% ของคนไทบมองว่าการย้ายถิ่นฐานในประเทศ (เทียบกับทั่วโลก 50%)
คนไทยคาดหวัง 6 เดือนข้างหน้าทิศทางโดยรวมจะมีแนวโน้มดีขึ้น
คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี และคาดหวังว่าทิศทางโดยรวมของไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวโน้มที่ดี
– 61 % คาดว่าเศรษฐกิจในท้องถิ่นจะแข็งแกร่งขึ้น (เทียบกับ 42%% ในเดือนกุมภาพันธ์ และ 56% ในเดือนพฤษภาคม 2566)
แรงกดดันภาคธุรกิจ เร่งองค์กรปรับใช้ “ESG” ในกระบวนการธุรกิจ
ในส่วนของภาคธุรกิจ รายงานวิจัยของ Ipsos ฉบับนี้ยังชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มและทิศทางในการปรับใช้ “ESG” ในธุรกิจและประสบการณ์ (Embedding ESG in Experience) โดยองค์กรจำนวนมากต่างได้รับแรงกดดันหากต้องการทำธุรกิจให้ยั่งยืน โดยเห็นจากผลสำรวจ Reputation Council Report ของ Ipsos ฉายภาพว่า
– 81% ของสภาสมาชิกกิตติมศักดิ์ ตัวแทนนักสื่อสารองค์กรอาวุโสจากแบรนด์ระดับโลก (Ipsos Reputation Council Members) ต่างเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการนำกลยุทธ์ ESG ฝังเข้าเป็นส่วนสำคัญของระบบธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
Ipsos ยังได้แนะนำวิธีการที่แบรนด์สามารถสร้างคุณค่าและขับเคลื่อนความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
1. ทำในสิ่งที่นอกเหนือจากกิจกรรม ESG พื้นฐาน เช่น การลดของเสีย หรือการจ่ายภาษีอย่างถูกต้องแล้ว
2. ส่งมอบคุณค่าที่แบรนด์ได้สัญญาไว้ผ่านประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ทุกครั้ง ก็จะสามารถสร้างความใกล้ชิดกับแบรนด์และเจาะจงใช้แบรนด์มากขึ้นในอนาคต
3. การปลูกฝังพื้นฐานด้านการสร้างประสบการณ์ ESG ที่ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอหลักของแบรนด์ โดยแสดงให้เห็นผ่านการสร้างประสบการณ์ให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่สุด
ในแง่ของผู้บริโภคต่างเชื่อว่าธุรกิจเป็นตัวผลักดันที่ดี โดย 80% เห็นว่าแบรนด์สามารถทำเงินและสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ได้ในเวลาเดียวกัน และเกือบสองในสาม หรือ 64% กล่าวว่าพวกเขายินดีซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม
ทั้งนี้รายงานการวิจัยฉบับนี้ จัดทำเป็นค่าเฉลี่ยประเทศทั่วโลก สะท้อนถึงค่าเฉลี่ยสำหรับทุกประเทศและทุกตลาดที่ทำการสำรวจ อีกทั้งไม่ได้ปรับตามขนาดประชากรของแต่ละประเทศหรือแต่ละตลาด และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปเป็นบรรทัดฐานเดียวกันในทุกพื้นที่ โดยกลุ่มตัวอย่างประกอบด้วยบราซิล ชิลี โคลอมเบีย อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เม็กซิโก เปรู สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ ตุรกี และไทย ที่มีลักษณะเป็นตัวเมืองมากกว่า มีการศึกษามากกว่า และ/หรือร่ำรวยกว่าประชากรโดยทั่วไป