กลุ่ม ‘Wealth’ คือ คนร่ำรวยที่มักมีภาพลักษณ์ติดอยู่กับความหรูหราจากทรัพย์สมบัติที่ได้รับสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ด้วยการเข้ามาของเทคโนโลยีและ Digital Disruption ได้เปลี่ยน Business Landscape ทั้งโลกไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้นิยาม ทัศนคติ และพฤติกรรมของคนร่ำรวยในยุคใหม่ต่างไปจากเดิมเข้าสู่ ‘New Wealth’
ทาง The 1 ได้มีการจัดทำ The 1 Insight โดยให้คำนิยามสำหรับกลุ่ม New Wealth ว่า ไม่ได้หมายถึงคนรุ่นใหม่ หรือคนอายุน้อย แต่หมายถึงพฤติกรรมของคนร่ำรวยยุคปัจจุบันที่ถูกดิจิทัลและเทคโนโลยีเข้ามาดิสรัป ทำให้มีทัศนคติและพฤติกรรมแตกต่างจากคนร่ำรวยสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะเครื่องแสดงสถานะ หรือ Status ที่จากเดิมวิถีของคนรวยเป็นเรื่อง ‘วัตถุนิยม’ อย่างกระเป๋าแบรนด์เนม หรือรถหรู ทว่าในปัจจุบันที่คนสามารถซื้อทุกอย่างได้ในทุกเวลา เครื่องแสดงสถานะของคนกลุ่มนี้จึงเปลี่ยนไปจาก ‘ฉันมีอะไร’ หรือ ‘ฉันเป็นใคร’ มาเป็นการให้ความสำคัญกับความเป็นตัวของตัวเองที่มองว่า ‘ฉันมีคุณค่ากับอะไร’ หรือการให้คุณค่ากับตัวตนที่ต่างไปจากคนทั่วไป
แล้วกลุ่ม New Wealth น่าสนใจอย่างไร?
จากข้อมูลสมาชิกกลุ่ม New Wealth ของ The 1 พบว่า ในปี 2562 คนกลุ่มนี้มีอายุน้อยกว่า 45 ปีมากถึง 47% โดยมีการใช้จ่ายสินค้าและบริการทุก ๆ 5 วัน มากกว่าสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ ถึง 3.5 เท่า และมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยที่สูงมากกว่าสมาชิกกลุ่มอื่น ๆ 3 เท่า
นั่นหมายความว่า New Wealth เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทั้งในเรื่องกำลังซื้อที่สูงและความถี่ในการจับจ่าย จึงไม่น่าแปลกใจกลุ่มนี้จะกลายเป็น Potential Customers ที่หลายแบรนด์ให้ความสำคัญและต้องการเข้าถึง
3 Insight กลุ่ม New Wealth ที่ทุกธุรกิจห้ามพลาด
The 1 Insight ที่ The 1 ได้จัดทำขึ้นยังได้เผยถึง 3 Insight ที่น่าสนใจของกลุ่ม New Wealth ได้แก่
1. Re-defining Luxury เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แบรนด์หรูต่าง ๆ ได้เริ่มสร้างไลน์สินค้าเสื้อผ้าให้มีความ Casual มากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการใส่ทุกวัน และสร้างโอกาสในการ Mix & Match มากขึ้น นอกจากนี้แบรนด์ Luxury ยังได้เริ่มเข้ามาบนโลกโซเชียล มีเดีย ที่ไม่ได้ต้องการแค่สื่อสารให้ถึงลูกค้ากลุ่มนี้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่บนโลกออนไลน์ ยังส่งผลดีในแง่ของ Brand Visibility ด้วย
2.More on Experience ด้วยการที่กลุ่ม New Wealth ไม่ได้สนใจ การให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการจับจ่าย ที่ต้องมากกว่าและดีกว่ามาตรฐานเพียงสิ่งของ หรือตัวเงินในบัญชี แต่เน้นไปที่ประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้เงิน ซึ่งพวกเขาพร้อมจ่ายทุกประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ แค่เป็นสิ่งที่ ‘มากกว่า’ และ ‘ดีกว่า’ แบบไม่จำกัดราคา เช่น การลงทุนไปกับตั๋วเครื่องบิน First Class , การรับประทานอาหาร Street Food ร้านดัง ๆ ในห้างแบบไม่ต้องร้อน , การได้รับบริการเอ็กซ์คลูซีฟ เช่น วีไอพีเลาจน์ , บริการผู้ช่วยช้อปปิ้ง , บริการ Omni channel ที่ Personalized ตามความต้องการของแต่ละคน ฯลฯ
3.Smart Wealth แม้กลุ่ม New Wealth จะมีการยอดใช้จ่ายสูง ทว่าก็มีการวางแผนใช้เงินอย่างคุ้มค่าเช่นกัน โดยจากข้อมูลสมาชิก New Wealth ของ The 1 พบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีบัตรเครดิตหลายใบ และพร้อมใช้ให้ตรงกับโปรโมชันที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจ คือ มี 9% เท่านั้นที่ใช้จ่ายเพียงเงินสด และ 63% มีบัตรเครดิตมากกว่า 4 ใบ โดยจะมีใบหลักที่ชอบใช้รูดเป็นพิเศษ แต่ก็พร้อมจะหยิบใบอื่นขึ้นมาทันทีหากบัตรใบนั้นคุ้มค่ากว่า
นอกจากนี้ New Wealth ยังเป็นกลุ่มที่ใช้บัตรเครดิตอย่างรอบคอบ เห็นได้จาก 4 ใน 5 ของลูกค้ากลุ่มนี้ที่รู้ว่าจะใช้บัตรเมื่อไร และใช้อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด เช่นคนที่มีนิสัยชอบชำระหนี้บัตรเครดิตแบบเต็มจำนวนทุกเดือน ก็เลือกบัตรแบบมีคะแนนสะสมของรางวัลหรือรับส่วนลดเงินสดคือ หรือรับสิทธิประโยชน์อื่นตามที่ต้องการ
โดยสรุปแล้ว New Wealth ถือเป็นอีกกลุ่มที่น่าสนใจทั้งในเรื่องกำลังซื้อและความถี่ในการจับจ่ายที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ ดังนั้นการได้รู้พฤติกรรมและ Insight ของคนกลุ่มนี้ น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับแบรนด์และนักการตลาด เพื่อนำมากำหนดยุทธวิถีในการเข้าถึงผู้บริโภคที่น่าสนใจกลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ