เคยสงสัยหรือไม่ ทำไมเราถึงต้อง Like, Comment และ Share บน Facebook
สำหรับนักการตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค เป็นข้อมูลสำคัญที่ต้องเรียนรู้ เพื่อให้ทำตลาดได้อย่างตรงกลุ่มมากขึ้น Quicksprout จึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ และนำมาจัดทำเป็น Infographic ดังนี้
ทำไมถึง “Like”
44% ของผู้ใช้ Facebook จะคลิก Like วันละครั้ง 29% จะLike วันละหลายๆ ครั้ง
เหตุผลที่ 1 เพราะรวดเร็ว และเป็นการแสดงออกว่าเห็นด้วย
เหตุผลที่ 2 เพื่อยืนยันสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง จากกาสำรวจจาก 58,000 คน พบว่า การคลิก Like ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน.และคุณยังสามารถคาดเดาได้ว่าคนๆ นั้นคือใคร เช่น เป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง มีความน่าเชื่อถือ 93% , อายุเท่าไร เชื่อถือได้ 75% เป็นต้น
เหตุผลที่ 3 เพื่อแสดงความเอาใจใส่ จากการสำรวจพบว่า คนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับ Social Network มากขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการสนทนาแบบโต้ตอบกันในทันที ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเอาใจใส่จริงๆ
เหตุผลที่ 4 Like เพราะคาดหวังสิ่งที่จะได้รับบางสิ่งบางอย่างตอบแทน เช่น คูปอง หรือข่าวสารจากแบรนด์ที่ตัวเองชื่นชอบ
49% ต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่ชอบ
42% ต้องการคูปอง หรือส่วนลด
41% ต้องการรับข่าวสาร ข้อมูลจากแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ
35% ต้องการมีส่วนร่วมกับคอนเท้นต์นั้นๆ
31% เพราะเห็นว่าคอนเท้นต์ หรือโพสของคนๆ นั้น เป็นประสบการณ์ที่ดี
27% เพราเป็นเรื่องที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และน่าสนใจ
21% Like ข้อมูลงานวิจัย หรือผลสำรวจจากแบรนด์ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้า-บริการที่เฉพาะเจาะจง
20% เห็นเพื่อน “Like” หรือเป็นแฟนอยู่แล้ว
18% เห็นจากการทำโฆษณาของแบรนด์ (โทรทัศน์, Online และนิตยสาร)
15% ได้รับคำแนะนำจากแบรนด์
ทำไมเราถึง “Comment”
เราทุกคนมีบางสิ่งบางอย่างที่จะพูด หรือแสดงความคิดเห็น Moira Burke ได้สำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้ Facebook จำนวน 1,200 คน พบว่า การแสดงคิดเห็น คอมเม้นท์ จะเป็นการสร้างความพึงพอใจได้มากกว่าการคลิก Like
ทำไมเราถึง “Post” สเตตัส
• 10% ของผู้ใช้ Facebook จะอัปเดทสเตตัสใน Facebook เป็นประจำทุกวัน
• 4% ของผู้ใช้ Facebook จะอัปเดทสเตตัส วันละหลายๆ ครั้ง
• 25% ของผู้ใช้ Facebook ไม่เคยอัปเดทสเตตัสของตัวเองเลย
เหตุผลที่ 1 โพสเพื่อคลายความเหงา
จากผลการศึกษาพบว่า ในกลุ่มนักเรียน หรือนักศึกษา จะอัปเดทสเตตัสใน Facebook บ่อยขึ้น เมื่อรู้สึกเหงา
แล้วจะมีเหตุผลใดที่ทำให้เราหยุดโพส Facebook
นักวิจัยจาก Facebook จึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม self-censorship ของผู้ใช้งาน (เขียนข้อความ แต่ไม่เผยแพร่ไปยังคนอื่นๆ หรือเรียกได้ง่ายๆว่า “Only Me”) โดยใช้เวลาติดตามผู้ใช้งาน 3.9 ล้านคน รวม 17 วัน
• 71% ของผู้ใช้งานจะพิมพ์ข้อความอย่างน้อย 1 สเตตัส แต่ไม่เปิดเผยไปยังคนอื่นๆ
• ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเปลี่ยนใจไม่โพสสเตตัสหลังจากพิมพ์ไปแล้ว เฉลี่ยคนละ 4.52 ครั้ง และคอมเม้นต์ 3.2 ครั้ง
ทำไมถึง “แชร์”
จากการสำรวจของ Ipsos เผยว่า
• 61% แชร์เรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
• 43% แชร์เรื่องที่คิดว่าสำคัญ
• 43% แชร์เรื่องที่สนุกสนาน
• 37% แชร์เพื่อแนะนำให้คนอื่นๆ รู้ และเชื่อว่าเป็นความจริง
• 30% เพื่อแนะนำสินค้า บริการ ภาพยนตร์ หนังสือ ฯลฯ
• 29% แชร์เพราะต้องการสนับสนุน หรือสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กร
• 26% แชร์เพราะเห็นว่าแปลก และแตกต่าง
• 22% เพื่อให้คนอื่นรู้ว่า คุณกำลังทำอะไร
• 20% แชร์เพื่อเปิดประเด็น หรือเริ่มต้นบทสนทนา
• 10% แชร์เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้