ตอนนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจประเภทไหน ก็ต้องมี Facebook Page เพื่อสนับสนุนและเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้า โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน Facebook ก็ได้ประกาศว่า ขณะนี้มี Active advertisers ที่ลงโฆษณากว่า 3 ล้านราย ว่ากันว่าการทำ Facebook Page ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณเคยเสียเงินแล้ว ก็ต้องเสียเงินไปเรื่อยๆ เพื่อให้แบรนด์ไม่หลุดไปจากสายตาของผู้บริโภค แล้วคุณจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้แบรนด์โดดเด่น
นอกจากการมีผู้ติดตามจำนวนมากแล้ว ก็ยังไม่ดีเท่ากับการมีคอนเทนต์ที่ดี และการเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โพสต์มากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ได้ ที่สำคัญ 75% ของแบรนด์มีการซื้อโฆษณาบน Facebook ซึ่งในปี 2014 มีการลงโฆษณาบน Facebook มากกว่าปี 2013 ถึง 122%
ส่วนสาเหตุที่ผู้ใช้ Unlike เพจก็คือ โพสต์ หรือคอนเทนต์ไม่น่าสนใจ และโพสต์มากเกินไป
การมี Facebook Page จะช่วยให้แบรนด์สร้างฐานลูกค้าได้ และยังช่วยให้แบรนด์ได้รับรู้ถึงความคิดเห็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ทั้งคำติ-ชม เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาแบรนด์ต่อไป คราวนี้มาดูกันว่า 13 เรื่องง่ายๆ ที่คนทำเพจต้องรู้มีอะไรบ้าง
1. ภาพโปรไฟล์ต้องทำให้ผู้บริโภคจำได้ ถ้าไม่รู้ว่าจะใช้ภาพไหน แนะนำให้ใช้โลโก้แบรนด์ (ขนาด 180 x 180px)
2. ภาพ Cover Page ต้องมีคุณภาพสูง ไม่แตก และไม่ผิดสัดส่วน
3. เพิ่มคำอธิบายภาพ เวลาที่อัปโหลดภาพโปรไฟล์ หรือ Cover Page อย่าลืมเพิ่มลิ้งก์เว็บไซต์ หรือบล็อกไปในแคปชั่นใต้ภาพด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์ของคุณมากขึ้น
4. ใส่ข้อมูลส่วน “About” ด้วย คำอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับแบรนด์
5. มี Call-to-Action เพื่อเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคติดตาม อาทิ Sign Up, Shop Now, Contact Us, Book Now ฯลฯ
6. เพิ่มเหตุการณ์สำคัญที่น่าสนใจ อาทิ วันก่อตั้งบริษัท, วันเปิดตัวสินค้า และอีเวนท์ต่างๆ
7. สร้าง Facebook App ที่สามารถนำมาใช้กับการทำแคมเปญได้ ลักษณะก็จะคล้ายๆ กับหน้าเว็บไซต์ที่มีขนาดเล็ก ถ้าคุณสนใจก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ FacebookApp Center
8. มี Visual Content เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคชอบ ทั้งแบบรูปภาพ และวิดีโอ แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ รูปภาพ/อินโฟกราฟฟิก หรือถ้าจะโพสต์วิดีโอ ก็ต้องเป็นวิดีโอสั้นๆ ประมาณ 2 นาทีหรือน้อยกว่านั้นก็ได้
9. มีข้อเสนอ/โปรโมชั่นพิเศษ ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องโพสต์วันละหลายๆ ครั้ง โดยให้ยึดกฏการโพสต์ 70-20-10 หมายถึง 70% จะเป็นคอนเทนต์ที่มาจากแบรนด์, 20% คอนเทนต์จากแหล่งอื่นๆ และ 10% โปรโมชั่นต่างๆ
10. ปักหมุดโพสต์ที่ต้องการให้ผู้บริโภคเห็น อาทิ กิจกรรม โปรโมชั่น หรือคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
11. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคอนเทนต์ บางแบรนด์อาจมีสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแต่ละโพสต์ได้ และยังกำหนดเวลาสิ้นสุดโพสต์ได้ด้วย
12. คอยเช็ค Engagement อยู่เสมอ เผื่อมีอะไรเร่งด่วนต้องแก้ไข จะได้ปรับเปลี่ยนได้ทันที
13. โต้ตอบกับ User บ้าง เพราะคุณจะได้รับรู้ความคิดเห็นของพวกเขาที่มีต่อแบรนด์