เป็นทุกอย่างให้เธอ!!! เมื่อ WHA แปรสภาพจาก Infrastructure Service สู่ Total Solution Business

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

โลกเริ่มไม่เหมือนเดิม ตั้งแต่การก้าวเข้ามาของยอดชายนายทรัมป์ โดยเฉพาะในภาคต่อที่แค่ก้าวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เล่นเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างซะวุ่นวาย แถมยังมีนโยบายที่รอต่อคิวอีกยาวเหยียด อันที่จริงเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนโยบายของประเทศเขา เป็นเรื่องของเขาที่จะออกนโยบายเพื่อคนในชาติ แต่มันส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่มาโดนไทย อย่างที่มีคำกล่าวว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว”

อย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือภาคการลงทุน ที่จะมีนักลงทุนโดยเฉพาะจากจีนเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้กันมากขึ้น นั่นจะทำให้เกิดความต้องการด้านโครงสร้างเพิ่มขึ้นตามโดยที่มีเทคโนโลยีเป้นโครงสร้างพื้นฐานหลัก และย่อมหมายถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง Data Center และ Cloud จะตามมา ซึ่งถ้าคนที่เข้าใจธุรกิจนี้ดี จะรู้ดีว่าเป็นธุรกิจที่มีความต้องการระบบน้ำและไฟอย่างสูง ทำให้เป็นธุรกิจที่จะมีเม็ดเงินลงทุนมหาศาล

 

เผชิญความท้าทายระดับโลก

ในปี 2568 โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ต้องไปฟัง คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ที่มองว่า ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) อาจจะยิ่งทวีความเข้มข้น หลังจากการกลับมาของประธานาธิปดีทรัมป์ แต่นั่นอาจจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนให้เกิดขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทย

ที่โดดเด่นด้วยพื้นที่ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์และการเป็นศูนย์รวม Supply Chain ที่ครบวงจร ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ความมั่นคงทางด้านพลังงาน รวมถึงพลังงานหมุนเวียน แรงงานที่มีคุณภาพ นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ ที่เอื้อประโยชน์ต่อนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมดาต้าเซนเตอร์ สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ คลาวด์เซอร์วิส

โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนที่จะหลีกหนีความขัดแย้งดังกล่าวแล้วมาลงทุนที่ภูมิภาคนี้ทั้งไทยและเสียดนามเพิ่มมากขึ้น ขณะที่นักลงทุนตะวันตกกห็มองเห็นความต้องการด้านการใช้ข้อมูลของอุตสาหกรรม ทำให้มีการลงทุนใน Data Center เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ ซึ่ง WHA Group มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจรที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีความพร้อมในการรองรับการลงทุน

 

เป้าหมายใหญ่ 5 ปีแตะ 1.5 แสนล้านบาท

นั่นทำให้ในปี 2568 ทาง WHA เตรียมแผนการมุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมามีรายได้รวมกลุ่มบริษัทฯ อยู่ที่ 14,400 ล้านบาท โดยมีการวางกลยุทธ์หลักในการขยายความเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัลโซลูชัน ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ครบวงจร

พร้อมก้าวสู่การเป็นการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Tech-Driven Organization) ตลอดจนการนำศักยภาพขององค์กรไปสร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูงทุกมิติ (High Performance Organization) นั่นจะทำให้ภาพลักษณ์ของ WHA ไม่ใช่ธุรกิจที่ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรม แต่จะกลายเป็น Total Solution Business ให้กับภาคอุตสาหกรรม

ด้วยแผนดังกล่าวคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้และส่วนแบ่งกำไรกว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมทั้งยังเตรียมแผนการดำเนินงานสำหรับ 5 ปี (พ.ศ.2568-2572) โดย WHA Group เตรียมความพร้อมเพื่อการขยายและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว ด้วยการอัดงบลงทุนกว่า 119,000 ล้านบาท วางแผนสร้างรายได้ให้เติบโตประมาณ 2.9 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2567 โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวม 5 ปีที่ 150,000 ล้านบาท

 

เติบโตทั้งไทยและเวียดนาม

สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2567 มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยพื้นที่รวมทั้งสิ้น 3,109,000 ตารางเมตร โดยเป็นโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 167,000 ตารางเมตร และสำหรับปี 2568 มีการวางกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตทั้งในไทยและเวียดนาม โดยในประเทศไทยมุ่งขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พื้นที่ EEC และเมืองรอง โดยในปี 2568 มีแผนขยายโครงการสำคัญในทำเลศักยภาพรวมพื้นที่กว่า 380,000 ตารางเมตร

สำหรับในประเทศเวียดนาม เน้นรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น e-Commerce สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก โดยโครงการคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งแรกในเวียดนามขนาด 37,000 ตารางเมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมเปิดให้บริการต้นปีนี้ ขณะที่ช่วงเดือนมกราคม 2568 ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับรัฐบาลท้องถิ่นประจำจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) เพื่อศึกษาการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์ในพื้นที่ 300 ไร่

ด้าน บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) ในเครือ WHA มุ่งเป้าเปลี่ยนผ่านสู่ 4PL (Fourth-Party Logistics Provider) ที่จะช่วยขยายขอบเขตการให้บริการจากการจัดการขนส่งและคลังสินค้า ไปสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร ส่วนด้าน Office Solutions ยังคงเดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลที่ดีเยี่ยมของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 6 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร

โดยเป้าหมายปี 2568 คือการเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร มีโครงการให้เช่าพื้นที่ใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร และมีแผนการขายสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART รวมทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท

 

ธุรกิจน้องใหม่ที่สร้างการเติบโต

เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นของคู่กันกับอุตสาหกรรม ธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) โซลูชันด้านกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ที่ให้บริการ 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service), บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ และ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มสำหรับจัดการ EV และแบตเตอรี่

ด้วยความสำเร็จในปี 2567 ที่มีการให้บริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้าถึง 330 คันและเสริมทัพ EV อีก 318 คัน พร้อมผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของธุรกิจอย่าง Voltality EVMe Grab และเริ่มความร่วมมือการให้บริการเชิงพาณิชย์กับ SHARGE ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem และมีการก่อสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าด้วยกำลังการผลิต 5,400 กิโลวัตต์

โดยโมบิลิกส์ตั้งเป้าให้บริการเช่ารถ EV จำนวนทั้งหมด 20,000 คัน ในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมความร่วมกับพันธมิตรในการจัดการ EV และแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และการให้บริการอย่างครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยในปี 2568 คาดว่าจะมีรถ EV ภายใต้การบริการเช่ารถมากกว่า 1,700 คัน

 

รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น   

ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ในปี 2567 มียอดขายที่ดินรวม 2,565 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 2,453 ไร่ และประเทศเวียดนาม 112 ไร่ และมียอดโอนที่ดินรวม 2,070 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศไทย 1,727 ไร่ และประเทศเวียดนาม 343 ไร่ โดยลูกค้ารายสำคัญคือ Google ได้ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินเพื่อสร้าง Data Center แห่งแรกในประเทศไทย และ Haier เพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศครบวงจรแห่งใหม่

ส่งผลให้สิ้นปี 2567 WHA มีนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 15 แห่ง ตั้งอยู่ในประเทศไทย 14 แห่ง และประเทศเวียดนาม 1 แห่ง โดยมีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่กำลังก่อสร้างและรอการพัฒนารวม 7 โครงการ บนพื้นที่ 8,810 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการที่ดินจากนักลงทุนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการในประเทศเวียดนามยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมี 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 2,297 ไร่

สำหรับปี 2568 ยังคงตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทย และขยายธุรกิจในประเทศเวียดนาม รวมทั้งมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวม 2,350 ไร่ ทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม เน้นการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart Industrial Estates) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการโซลูชันแบบครบวงจร

 

น้ำมาไฟพร้อมพื้นฐานอุตสาหกรรม

ในด้านธุรกิจสาธารณูปโภค แบ่งออกเป็นในส่วนการให้บริการด้านน้ำ ซึ่งในปี 2567 มียอดขายน้ำและบำบัดน้ำเสียรวมที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณยอดขายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม 8 ล้านลูกบาศก์เมตร เติบโตจากปีก่อนหน้านี้ถึง 25% โดยโดยเฉพาะโครงการซื้อ-ขายน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูงกับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ปริมาณ 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี

สำหรับปี 2568 ในประเทศไทย ยังคงมุ่งเน้นการขยายตัวตามการเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม โดยการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำในการหาแหล่งน้ำดิบอย่างต่อเนื่อง สำหรับในเวียดนามมีการวางแผนขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำรวมที่ประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นภายในประเทศประมาณ 132 ล้านลูกบาศก์เมตร และในเวียดนามประมาณ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับการบริการด้านไฟฟ้า ในปี 2567 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้ว 965 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากพลังงานสะอาดทั้งหมด 437 เมกะวัตต์ สำหรับปี 2568 จะเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและนอกประเทศ โดยในไทยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโซลาร์รูฟท็อป เป็นต้น สำหรับที่เวียดนามได้เริ่มดำเนินการศึกษาและพัฒนาโครงการไมโครกริดที่นิคมเขตอุตสาหกรรม WHA Smart Technology Zone 1 คาดว่าจะพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์ในปี 2569 และจะต่อยอดการขยายธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปด้วย

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Peer-to-Peer Energy Trading) และการซื้อขายใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (I-REC) รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve เช่น เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้วเป็น 1,185 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากพลังงานหมุนเวียน 657 เมกะวัตต์

 

รองรับอนาคตด้วยธุรกิจดิจิทัล

สำหรับธุรกิจดิจิทัล ในปี 2567 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการยกระดับองค์กรในทุกมิติ ช่วยให้ WHA ก้าวเข้าสู่การเป็น Technology Company และช่วยขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ต่างๆ ตลอดช่วงเวลา 3 – 4 ปีที่ผ่านมา

สำหรับปี 2568 WHA Digital ยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น AI, IoT โดยในปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ เช่น Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมทั้งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง โมบิลิกส์ แพลตฟอร์ม โดยตั้งเป้ายอดการใช้งานโมบิลิกส์แพลตฟอร์มที่ประมาณ 900 คันภายในปี 2568 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6,000 คันภายในอีก 5 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่พร้อมให้บริการภายใน WHA Group ภายในปี 2568 สะท้อนการให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างคุณค่าให้กับสังคมภายในปี 2572 อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการใช้ EV โดยตั้งเป้าให้บริการประมาณ 20,000 คัน เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 683,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี การลดการใช้น้ำจากธรรมชาติลงประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่ากับปริมาณการใช้น้ำของภาคครัวเรือนกว่า 685,000 คน และการจัดการขยะแบบ Zero Waste

ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงภาพลักษณ์ของการปรับเปลี่ยนธุรกิจที่ชัดเจน ที่ปัจจุบันเรียกว่าบริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม WHA จะสามารถให้บริการได้ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมดแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ กลายเป็นสินค้าที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยดูแลโลก ดูแลผู้บริโภคและดูแลธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา